CRANE บวก 2.79% ผู้บริหารฯคาดนักลงทุนเก็งรับผลดีก่อสร้างฟื้น-ASSET สูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 10, 2010 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น CRANE บวก 2.79% มาที่ 1.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 23.82 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.07 น. โดยเปิดตลาดที่ราคา 1.79 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.97 บาท และ ต่ำสุดที่ 1.79 บาท

นายชำนาญ งามพจนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.ชูไก(CRANE)กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น CRANE ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในวันนี้ น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนมีความไว้วางใจต่ออนาคตของบริษัทที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะบริษัทจะรับผลดีจากงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งที่จะทำให้มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้น และเห็นศักยภาพของตัวบริษัทในแง่ที่มีสินทรัพย์(ASSET)สูง

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าในปี 53 ผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิ จากที่คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 10% หลังจากปี 52 มีผลขาดทุนสุทธิ เนื่องจากงวด 9 เดือนแรกของปี 52 ขาดทุนไปถึง 69.43 ล้านบาท ขณะที่รายได้ในปี 52 ลดลงราว 30-40% จากปี 51 ที่มีรายได้ 789.56 ล้านบาท สาเหตุมาจากวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ยอดขายรถเครนของบริษัททำได้ต่ำกว่าเป้า ขณะที่ธุรกิจให้เช่ารถเครนได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

สำหรับปีนี้แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากโครงการในมาบตาพุดที่หยุดชะงักการก่อสร้างไปในช่วงนี้ แต่เชื่อว่าในที่สุดปัญหาเรื่องนี้จะมีทางออกที่ดี

"ตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างเสนอแผนงานเข้าบอร์ดในปลายเดือนนี้ จึงจะสามารถสรุปตัวเลขว่าเป้าหมายรายได้เท่าไร ยอดขายคงเกิน 10% และหากปิดดีลขายรถเครนได้ยอดขายอาจโต 100-200% ก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ ปีนี้มีกำไร เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐมีงบไทยเข้มแข็งหวังว่าทั้งธุรกิจขายรถเครนและเช่ารถเครนจะออกมาดี ไตรมาส 1/53 ไตรมาสเดียวยอดขายอาจดีกว่าทั้งปีก็ได้ เพราะปีที่แล้วแย่มาก"นายชำนาญ กล่าว

นายชำนาญ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขายรถเครนให้กับลูกค้าหลายกลุ่ม ซึ่งหากได้ข้อสรุปจะสร้างรายได้ให้บริษัทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะรถเครนคันหนึ่ง ๆ มีมูลค่าถึง 50-60 ล้านบาท ส่วนการเจรจากับลูกค้าสิงคโปร์มูลค่างาน 200 ล้านบาทนั้นยังชะลอออกไปไม่มีกำหนด เนื่องจากบริษัทยังมีปัญหาในแง่ของการผลิตรถเครนตามสเปคของลูกค้า

และปีนี้บริษัทเน้นการหาลูกค้าในประเทศ โดยบริษัทมีความพร้อมในการขายสินค้าและคัดเลือกลูกค้า เพื่อไม่ไห้มีผลกระทบด้านการปล่อยสินเชื่ออีก ดังนั้น ต้องมีการตรวจสอบลูกค้าให้มั่นใจก่อนด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทยังไม่ทิ้งตลาดให้เช่ารถเครน เนื่องจากสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 30-40% ประกอบกับ การลงทุนต่อครั้งต่อคัน สามารถรับรู้รายได้ในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ