JTS คาดปี 53กำไรดีกว่าปีก่อน แม้รายได้ทรงตัว สิ้นปี backlogราว 3พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 17, 2010 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวบุษกร จงศักดิ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิในปี 53 จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 170 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้กว่า 4.4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับแผนบริหารต้นทุนและเลือกเข้าประมูลงานที่ให้อัตรากำไรที่ดี เพื่อทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

บริษัทมีเป้าหมายว่าปี 53-54 จะเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง หลังจากปี 52 ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวจากปี 50-51 ที่บริษัทประสบปัญหาทั้งปัจจัยการเมืองและปัจจัยเศรษฐกิจ ทำให้มีงานประมูลภาครัฐออกมาจำนวนน้อยมาก

"บริษัทไม่ได้ต้องการให้รายได้เพิ่มขึ้นมากมาย เพราะงานวางระบบไม่ได้มีรายได้เติบโตมากนัก แต่หวังว่ากำไรจะดีขึ้น ซึ่ง Bottomline ต้องเพิ่มสูงขึ้น... ปีนี้จะเป็นปีที่ดีของบริษัท"นางสาวบุษกร กล่าว

นางสาวบุษกร คาดว่า ในปี 53 จะมีประมูลงานด้านการวางระบบโทรคมนาคมจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 7-8 งาน ปัจจุบันประมูลไปแล้ว 3-4 งาน ซึ่งบริษัทย่อยของ JTS ได้งานติดตั้งอุปกรณ์ชุมสายของทีโอทีมูลค่างงาน 1 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้

บริษัทคาดหวังว่าจะได้รับงานเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่บริษัทเคยรับงานทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารออมสิน กรุงเทพมหานคร บมจ.กสท โทรคมนาคม(CAT)และ บมจ.ทีโอที (TOT) ต่างก็มีงานที่จะเปิดประมูล และบริษัทก็จะเข้าประมูลงานต่อเนื่อง แต่จะเน้นรับงานที่มีอัตรากำไรขั้นสูง และไม่มีความเสี่ยงในการส่งมอบงาน ต้องมั่นใจว่าทำแล้วมีกำไร

นางสาวบุษกร กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่างานคงค้างในมือ(backlog)ในช่วงสิ้นปีนี้ที่ 3 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับมูลค่างานคงค้างในปัจจุบัน โดยปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่างงานคงค้างจำนวน 2.5 พันล้านบาท และยกไปปี 54 ประมาณ 500 ล้านบาทที่จะรับรู้ทั้งหมด และบริษัทยังคงลงทุนประมาณ 80% ของรายได้ในปีนี้ เพื่อใช้ในโครงการต่างๆ

"ปีนี้เรามั่นใจว่ารายได้ตามเป้าหมาย เพราะมีงานในมือรองรับแล้ว โดยจะรับรู้ปีนี้ถึง 2.5 พันล้านบาท และยังมีการประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง แต่ตอบว่าจะได้จำนวนเท่าใด แต่เชื่อว่าจะสามารถรักษามูลค่างานคงค้างในมือที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งตัวเลขคงค้างตรงนี้เห็นแล้วสบายใจว่าจะส่งผลดีในปีต่อไป"นางสาวบุษกร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ