D1 หวังอานิสงส์เงินไหลเข้าหนุนขายหุ้นเพิ่มทุน,เปลี่ยนธุรกิจเป็นอสังหาฯยังไม่ชัด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 18, 2010 11:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดราก้อน วัน (D1) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การที่คณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้มีมติอนุมัติให้ออกหุ้นเพิ่มทุน 814.52 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เนื่องจากมองว่าเป็นจังหวะที่ดีที่ขณะนี้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมาก เห็นได้ว่าเมื่อดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีบริษัทหลายแห่งได้ประกาศขายหุ้นเพิ่มทุนเช่นกัน

"ตอนนี้ในตลาดมีเงินทุนเยอะ ฝรั่งเข้ามาเต็มไปหมด ต้องรีบเอาตอนนี้ ถ้าไม่รีบตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน" นายจเรรัฐ กล่าว

การขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมนั้น ในส่วนของตนเองยังคงใช้สิทธิในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อคงสัดส่วนการถือหุ้นเช่นกัน ขณะเดียวกันยอมรับว่าหากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนไม่หมด ก็ยังมีพันธมิตรรายใหม่ คือกลุ่มกองทุนจากอาบูดาบีที่สนใจเข้ามาซื้อหุ้นในจำนวนที่มากเช่นกัน แต่บริษัทคงพิจารณาขายหุ้นตามความเหมาะสม โดยกลุ่มอาบูดาบีเป็นธุรกิจโฮลดิ้งคอมพานี

นายจเรรัฐ คาดว่า ภายในเดือน พ.ค.53 จะดำเนินการขายหุ้นเพิ่มทุนได้ หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว พร้อมจะมีการชี้แจงรายละเอียดถึงแผนงานต่างๆ ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนชื่อ บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าบริษัทจะหันไปรุกธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชัดเจน โดยต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งในกลุ่มคันทรี่กรุ๊ปนั้นมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ไม่เฉพาะอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น

อีกทั้งมองว่าปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้มีสินค้าล้นตลาด และรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์แล้ว ดังนั้นการดำเนินธุรกิจคงต้องรอจังหวะที่ดีก่อน

"โครงการพัฒนาที่ดินย่านสะพานปลา ถนนเจริญกรุง เป็นโรงแรม ยังไม่แน่นอน ยังอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งตอนนี้มองว่าธุรกิจอสังหาฯยังไม่ดี เราก็รอดูไปก่อน" นายจเรรัฐ กล่าว

นายจเรรัฐ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทยังไม่แผนการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม แม้ปัจจุบันจะมีสภาพคล่อง มีเงินสดในมือจำนวนมาก และไม่มีภาระหนี้สิน แต่เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีการชุมนุมกันอาจกระทบต่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น การลงทุนของบริษัทยังคงเป็นธุรกิจเดิม โดยเฉพาะด้านไอทีและโทรคมนาคม ที่มองว่าปีนี้มีการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะรัฐบาลมีนโยบายลงทุนด้านนี้ ซึ่งน่าจะทำให้ภาพรวมธุรกิจยังเติบโตไปได้ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ