(เพิ่มเติม) MFEC ตั้งเป้าปี 53 รายได้โต 15% มีงานในมือ 1.4 พันลบ.รับรู้ฯ 80%ปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 22, 2010 16:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี(MFEC) ตั้งเป้าปี 53 รายได้เติบโต 15% จากปีก่อน โดยขณะนี้มีงานในมือราว 1.4 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ประมาณ 80% ภายในปีนี้ ประกอบกับ บริษัทยังคงพยายามหางานใหม่เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้บริษัทเน้นกลยุทธในการจับมือกับพันธมิตรที่เป็นอันดับ 1 ในแต่ละตลาดที่จะพัฒนาสินค้าและทำการตลาดร่วมกันเพื่อต่อสู้ในตลาดไอที

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ MFEC กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทมีแผนปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจ เพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องจากปี 52 ในอัตรา 15% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) ที่รอรับรู้เป็นรายได้ประมาณ 1,420 ล้านบาท โดย 80% ของงานดังกล่าวจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าถึงแม้ว่าการเมืองจะยังร้อนแรง และเศรษฐกิจจะยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนนัก แต่จะยังผลักดันรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ และการหันมาจับมือกับพันธมิตร และการเพิ่มสินค้าที่เป็น IP ของบริษัทลงสู่ตลาดจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (gross profit margin) เติบโตดีขึ้นในทิศทางเดียวกันด้วย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่มุ่งผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน

สำหรับแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับยักษ์ใหญ่ไอทีจากต่างประเทศที่เข้าสู่ตลาดไอทีของไทยเพิ่มขึ้น ด้วยการเร่งขยายผลิตภัณฑ์และการให้บริการให้สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจรแบบ One Stop Service เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทำให้สามารถปกป้องตลาดและขยายฐานลูกค้าไปในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางธุรกิจที่คาดว่าจะมีการแข่งขันอย่างรุนแรง หลังเปิดการค้าเสรีตามสนธิสัญญาอาฟต้า

ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ หรือการเพิ่ม Portfolio ของ Product หรือโซลูชั่น ให้มีความสมบูรณ์ขึ้นนั้น ซึ่งปีนี้จะใช้กลยุทธ์พัฒนาสินค้าที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเอง ( Intellectual Property หรือ IP ) ลงสู่ตลาดมากขึ้น รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้นำในแต่ละตลาดพัฒนาสินค้าอินโนเวชั่นลงทำตลาดร่วมกัน เพื่อใช้จุดแข็งของกันและกันสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางการแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงจากผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่ปัจจุบันเข้ามาลงทุนในประเทศไทยและแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นทุกที

"การจับมือกับพันธมิตรพัฒนาสินค้าร่วมกัน และการที่เราสร้าง IP ของเราขึ้นมาได้ เพื่อเพิ่ม solution สร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในการนำเสนอข้อมูลให้กับลูกค้าแบบเหนือชั้นกว่า นอกจากนั้นยังช่วยลดระยะเวลาการทำงานของเรา เมื่อประหยัดเวลาได้ ผลก็คือการประหยัดต้นทุนและช่วยเพิ่ม marginได้" นายศิริวัฒน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ