นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บมจ. อินเตอร์ไฮด์ (IHL) เปิดเผยว่า ในปี 53 บริษัทมีเป้าหมายจะผลักดันรายได้ให้เติบโต 30% จากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 52 ประกอบกับ ค่ายรถยนต์เร่งเดินหน้ารถอีโคคาร์
นอกจากนั้น ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับปรุงกระบวนการบริหารและจัดการภายในทั้งกระบวนการผลิตและการจัดการภายในองค์กร จนทำให้ต้นทุนบางส่วนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
"ปีนี้จะถือเป็นปีที่บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตได้อย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ปัจจัยหลักๆ มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายรถยนต์ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ทุกค่ายกำลังเร่งเดินหน้าผลิตรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งจะยิ่งทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตชัดเจนขึ้น ในฐานะที่เราเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จึงได้รับผลดีอย่างชัดเจน สนับสนุนให้ยอดขายเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกัน ประการสำคัญในปีที่ผ่านมาเราได้ปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการภายใน จนทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้กำไรขั้นต้น (gross profit margin) ปรับตัวดีขึ้น" นายองอาจ กล่าว
ส่วนกรณีการขายหุ้น IHL ของบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) และ บริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศไทย) ที่ถือใน IHLจำนวนรวมกัน 60,000,000 หุ้น คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 3.80 บาท นายองอาจ กล่าวว่า ราคาซื้อ-ขายดังกล่าวเป็นไปตามบันทึกข้อตกลงระหว่างเขาและกลุ่มซูมิโตโม เมื่อวันที่ 5 พ.ค.52
และถึงแม้ว่าจะส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯเปลี่ยนไปแต่ไม่กระทบต่อการบริหารธุรกิจ ในขณะที่ศักยภาพในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีอยู่และจะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันเป็นคู่ค้ากันอย่างเหนียวแน่น ส่วนในระยะยาวบริษัทฯ มีนโยบายจะขยายฐานธุรกิจเข้าสู่ค่ายรถยนต์ในกลุ่มยุโรปด้วย
ด้านนายอวยชัย มติธนวิรุฬห์ กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจยานพาหนะและโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่าสาเหตุที่กลุ่มซูมิโตโมขายหุ้น IHL เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนภายในของกลุ่มซูมิโตโม แต่เชื่อว่าหลังจากการขายหุ้นจะไม่มีผลต่อธุรกิจของ IHL เนื่องจากที่ผ่านมาซูมิโตโม เป็นเพียงผู้ประสานงานในการติดต่อธุรกิจระหว่าง IHL และลูกค้ารายใหม่เท่านั้น แต่หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของ IHL ที่จะดำเนินธุรกิจกับลูกค้าเอง
ที่ผ่านมาลูกค้ายอมรับ IHL เพราะคุณภาพของสินค้าและการให้บริการ เป็นหลัก ประกอบกับที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการรถยนต์ยักษ์ใหญ่ล้วนแต่ยอมรับในผลงานของ IHL ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าทำให้วันนี้ IHL สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่งแม้จะไม่มีซูมิโตโมเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งที่ผ่านมา IHL ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในทางธุรกิจแล้วเป็นอย่างดี