UEC คาดปี 53 รายได้ใกล้เคียงปีก่อน เตรียมประมูลงานใน-ตปท.6 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 21, 2010 10:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานกรรมการ บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC)คาดรายได้ใกล้เคียงปี 52 ที่ทำได้ 1,370 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิยังประเมินได้ยาก เพราะยังมีความไม่แน่นอน โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลการยื่นประมูลงานในปีนี้

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานทั้งในและต่างประเทศมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท แยกเป็นงานต่างประเทศ 70% ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง เวียดนาม ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ด้านงานในประเทศ 30% ส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

ปัจจุบัน มีงานในมือ(backlog)จำนวน 300-400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 52 ที่มี backlog จำนวน 200 ล้านบาท แต่ในปี 54 บริษัทมีเป้าหมายเพิ่ม backlog เป็น 1,800 ล้านบาท เท่ากับเมื่อปี 51

บริษัทมีแผนขยายงานในต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสในการขยายธุรกิจมากกว่า หลังจากตลาดในประเทศมีข้อจำกัด เช่น ธุรกิจโรงกลั่นคงเกิดขึ้นได้ยากขึ้น ซึ่งหากธุรกิจพลังงานในประเทศชะลอตัวจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วย ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีงานในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30%

อย่างไรก็ตาม การประมูลงานในต่างประเทศอาจมีมาร์จิ้นลดลง หลังจากถูกกดดันจากการแข่งขันกับคู่แข่งต่างประเทศ และอาจมีผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ลดลงจากปี 52 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26-27%

"ตอนนี้เข้าสู่ตลาดใหญ่ มาร์จิ้นคงถูกกดดันแน่ เพราะเข้าสู่การแข่งขันระดับอินเตอร์ ฯ เช่นเกาหลีใต้ อินเดีย และอาจทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ ลดลง จากการที่ก่อนหน้านี้บริษัทขยายโรงงาน ทำให้มี overhead มาก ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิต ทำให้ gross margin ปีนี้ถูกกดดดันมาก จากปี 52 อยู่ที่ 26-27% แต่ปีนี้จะต่ำกว่าหรือไม่ ขึ้นกับการได้งานประมูลด้วย" นายไพบูลย์ กล่าว

ส่วนกรณีการระงับโครงการลงทุนในมาบตาพุด ที่บริษัทได้มีการยื่นประมูลในโครงการลงทุนใหม่ๆ จากบริษัทที่ถูกระงับการลงทุนในหลายโครงการ ยอมรับว่าอาจกระทบต่อการทำรายได้ของบริษัทในปีนี้ด้วย

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มทุน รวมถึงการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์)หรือเสนอขายหุ้นกู้ แม้บริษัทจะอยู่ระหว่างการประมูลงานมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท แต่กว่าที่ผลการประมูลงานจะออกมาก็ต้องใช้เวลา 3-4 เดือน และงานส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องทยอยดำเนินการ อีกทั้งบริษัทยังมีกระแสเงินสด 328 ล้านบาทน่าจะเพียงพอในการบริหารจัดการได้

สำหรับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในไทย และย้ายไปลงทุนในประเทศอื่น เช่น เวียดนาม ที่มีต้นทุนค่าแรงถูกกว่า

นายไพบูลย์ กล่าวในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ใน UEC ว่า ขณะนี้ยังไม่แนวคิดขายหุ้น UEC ที่ถืออยู่ แต่จะพยายามดำเนินธุรกิจให้เดินหน้าไปได้ด้วยดีก่อน แต่ยอมรับว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้น

"ในเรื่องธุรกิจทุกอย่างเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับราคา ที่ผ่านมาได้ขายหุ้นยูนิคแก๊ส และ UMS เพราะผมอายุ 70 ปีกว่าแล้ว ก็อยากขายออกไป" นายไพบูลย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ