นายแสงรุ้ง นิติภาวะชน กรรมการผู้จัดการ บมจ.เซาท์เทิร์นสตีล(S2)เปิดเผยว่า ในปี 53 บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายผลิตภัณฑ์เหล็กเติบโต 10-15% จากปี 52 ที่มีปริมาณขาย 1.1 แสนตัน ซึ่งเป็นไปตามความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยช่วงไตรมาส 1/53 ปริมาณการเป็นไปตามเป้าหมาย 10-15% ซึ่งดีกว่าไตรมาส 4/52
ขณะที่ราคาขายปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทประเมินว่าอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.5-4.0% ทรงตัวใกล้เคียงปี 52 โดยขณะนี้ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนปรับขึ้นมาอยู่ที่ 24,000-25,000 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่อยู่ในระดับ 19,000-20,000 บาท ซึ่งจากราคาต้นทุนวัตถุดิบดังกล่าวสูงขึ้น ทำให้บริษัทต้องปรับขึ้นราคาขายผลิตภัณฑ์เหล็กขึ้นตามไปด้วย
นายแสงรุ้ง มองว่าความต้องการใช้เหล็กในปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้ในปีนี้บริษัทจะขยายตลาดส่งออกต่างประเทศมากขึ้น หลังจากมีคำสั่งซื้อจากประเทศมาเลเซียมากขึ้นกว่าปีก่อน จึงมีแนวคิดเจาะตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศแถบเพื่อนบ้าน เช่น ลาว และ พม่า พร้อมไปกับการขยายตลาดในประเทศ
นายแสงรุ้ง กล่าวว่า ปัจจุบัน สัดส่วนตลาดส่งออกอยู่ที่ 7% และจะเพิ่มสัดส่วนตลาดส่งออกมากขึ้น ส่วนตลาดในประเทศ อยู่ที่ภาคใต้ 59% ภาคอีสาน 34% ส่วนภาคกลางยังไม่มีแผนเจาะตลาดใหม่ในปีนี้
และการประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ ได้อนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น บริษัท 2S เม็ททัล จำกัด และกลับไปใช้ชื่อย่อ 2S โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยืนยันแล้วว่าสามารถเข้าซื้อขายโดยใช้ชื่อย่อดังกล่าวได้โดยไม่มีปัญหาทางด้านเทคนิคในการส่งคำสั่งซื้อขายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในวันเทรดวันแรก คาดว่าการกลับไปใช้ชื่อย่อเดิมจะมีผลตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.53 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
บริษัท ประกอบธุรกิจขายผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่น ท่อเหล็ก เหล็กรางตัวรูปซี ลวดตะแกรงเหล็ก และยังไม่มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา ขณะที่ผลิตภัณฑ์เดิมคาดว่ายังมีความต้องการในตลาดต่อเนื่อง
นายแสงรุ้ง กล่าวว่า สำหรับปัญหาการชุมนุมทางการเมือง มองว่าไม่น่ากังวล เพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และขณะนี้ก็ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท แต่บริษัทจะพยายามทำงานเพื่อลูกค้าและผู้ถือหุ้น