PHATRA เล็งเพิ่มพอร์ตลงทุนระยะยาว-รับมาร์เก็ตติ้งรองรับขยายลูกค้าบุคคล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 22, 2010 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภินันท์ เกลียวปฎินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร (PHATRA) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มวงเงินลงทุนระยะยาว (3-4 ปี) หากสถานการณ์การเมืองนิ่ง จากปัจจุบันบริษัทมีวงเงินลงทุนเหลือประมาณ 1,000 ล้านบาทที่จะเข้าลงทุนได้ จากวงเงินที่ได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้น 2,000 ล้านบาท

ที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) 28% โดยบริษัทจะเลือกลงทุนในบริษัทขนาดเล็กแต่มีอัตราการเติบโตที่ดีเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นหุ้นที่ under value และได้รับผลตอบแทนในอัตราสูง โดยจะเน้นลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เช่นกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มเมนูแฟคตอริ่ง และกลุ่มสื่อสาร

"ยอมรับว่าตอนนี้ เราลังเลและใช้ความระมัดระวังก่อนที่จะพิจารณาลงทุน คงจะต้องรอให้สถานการณ์การเมืองนิ่งก่อน เราถึงจะตัดสินใจในการลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้น แม้ว่าตอนนี้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตได้ดี แต่เราก็ต้องระมัดระวังไว้ด้วยเช่นกัน และเรายังให้ความสำคัญในเรื่องของพอร์ตเทรดดิ้งด้วย โดยที่ผ่านมาเราได้มีการป้องกันความเสี่ยง โดยการขายบางตัวออก"นายอภินันท์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสำคัญในการเพิ่มลูกค้าส่วนบุคคล (วงเงินขั้นต่ำ 30 ล้านบาท) มากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีอัตราการขยายตัวได้มาก เมื่อเทียบกับนักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศที่จะมีความผันผวน โดยเบื้องต้น คาดว่าจะมีการรับเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เก็ตติ้ง)อีก 10 ราย จากปัจจุบันมีจำนวน 30 ราย

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าสถาบันในและต่างประเทศ 30%ของรายได้ ลูกค้าส่วนบุคคล 20-25% ลูกค้า IB 15-20% ที่เหลือเป็นพอร์ตการลงทุน

สำหรับธุรกิจวาณิชธนกิจ(IB)บริษัทมีดีลในมือ 5 ราย ขนาดโครงการ 5,000 ล้านบาท/ราย นอกจากนี้บริษัทจะมีการขยายธุรกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้นอกเหนือจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ และการขายหุ้นกู้อนุพันธ์ ที่คาดว่าจะเห็นในปีนี้

นายอภินันท์ กล่าวอีกว่า ในปี 53 คาดว่าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)จะอยู่ที่ 5-6%จากปีก่อน ที่มีมาร์เก็ตแชร์ 4.5% เป็นมูลค่าการซื้อขายผ่านบริษัท 1,622 ล้านบาท/วัน โดยมาร์เก็ตแชร์ในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายลูกค้าบุคคล และลูกค้าสถาบันในและต่างประเทศที่มีการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้แม้การดำเนินธุรกิจจะลำบากขึ้น ทำให้การต้องดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวัง ดังนั้น การเพิ่มธุรรรมโดยการออกและขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ จะช่วยเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างองค์กร โดยการถือหุ้นในลักษณะ Holding คาดว่า ในต้นเดือน ก.ย.53 จะยื่นไฟลิ่งภายใต้ชื่อ บมจ. ทุนภัทร และจะมีการทำคำเสนอซื้อหุ้น(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ต.ค.53 และคาดว่าบริษัทโฮลดิ้งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดได้ในต้นเดือน ม.ค.54

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ