ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) หลังจากธนาคารบาร์เคลย์ส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาสแรกปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 64.55 จุด หรือ 1.2% ปิดที่ 5,553.29 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวในอัตรา 3.2% ต่อปี แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 3.4% ต่อปี และต่ำกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่ขยายตัว 5.6% ต่อปี
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 6.4% หลังจากบาร์เคลย์ส แคปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกร่วงลง 26% มาอยู่ที่ระดับ 3.8 พันล้านปอนด์
หุ้นริโอทินโต ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ดิ่งลง 4.4% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่สุดของโลก ร่วงลง 3.1% และหุ้นเอ็กสตราต้าปิดลบ 4.1%
ส่วนหุ้นบีพีปิดร่วงลง 1.5% เนื่องจากข่าวที่ว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลจากบ่อน้ำมันของบริษัทบีพีในอ่าวเม็กซิโก ทำให้บีพีสูญเสียน้ำมันดิบจำนวนมากถึง 5,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งสูงกว่าที่สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ประเมินไว้ที่ระดับ 1,000 บาร์เรล/วัน ถึง 5 เท่า นอกจากนี้ บีพียังต้องจ่ายเงินวันละ 6 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดน้ำมันที่รั่วไหลและเพื่อหยุดการรั่ว