ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ปิดร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบหกเดือน จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและบริษัทเหมืองแร่ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE ลบ 170.88 จุด หรือ 3.1% ปิดที่ 5,262.85 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากที่บวก 0.9% ปิดที่ 5,433.73 จุดในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนกำลังกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆว่าปัญหาหนี้ของรัฐบาลยุโรปยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ และอาจมีอีกหลายประเทศประสบปัญหานี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ประกอบกับความวิตกว่าอาจมีธนาคารถูกเอาผิดจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐ
หุ้นบาร์เคลย์สทรุดลง 6.1% ลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 4.7% และรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ลบ 3.9% หลังจากที่เครดิตสวิส กรุ๊ป กล่าวในรายงานว่า การเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับใหม่อาจส่งผลกระทบต่อกำไรของอุตสาหกรรมธนาคารถึง 2.44 แสนล้านยูโร (3.06 แสนล้านดอลลาร์)
ขณะที่มีรายงานจากสหรัฐว่า แอนดรูว์ คูโอโม อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก ได้ออกหมายเรียกธนาคาร 8 แห่ง ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และ มอร์แกน สแตนลีย์ เพื่อสอบสวนว่าธนาคารเหล่านี้ได้ทำให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจำนองหรือไม่
ด้านหุ้นกลุ่มเหมืองร่วงลงเช่นกัน เอ็กซตราตา ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่อันดับสี่ของโลก ดิ่งลง 7.9% หลังราคาทองแดง อลูมินัม และสังกะสี อ่อนตัวลงในการซื้อขายที่ตลาดโลหะลอนดอน
บีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองใหญ่สุดของโลก ร่วง 4.5% ริโอ ทินโต กรุ๊ป บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับสาม ลบ 5.5%
ทั้งนี้ ราคาแร่โลหะปรับตัวลดลง เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และจากความกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ