ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เพราะตลาดได้แรงหนุนจากรายงานยอดทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ลดลง 11.98 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 5,151.32 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,072.53 - 5,163.30 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่หลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาด LME (London Metal Exchange) รวมถึงทองแดงและนิกเกิล ร่วงลง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก ดิ่งลง 1% หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดลบ 2.1%
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วย โดยหุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดลบ 3.6% หุ้นลอยด์ แบงกิง ปิดร่วง 2%
ส่วนหุ้นแกลคโซสมิธไคลน์ ดีดตัวขึ้น 2% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Jefferies International ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ "buy" จากเดิมที่ระดับ "hold" โดยกล่าวว่าผลประกอบการของแกลคโซสมิธไคลน์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษ มีแนวโน้มขยายตัวอย่างยั่งยืน
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 5,072.53 จุดในระหว่างวันได้ หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.0% สู่ระดับ 110.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2552 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.0% เนื่องจากผู้ซื้อบ้านใช้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาล