ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ของจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นบีพีที่ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 59.86 จุด หรือ 1.16% ปิดที่ 5,211.18 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,151.32 - 5,262.50 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคักคัก ขานรับข้อมูลของทางการสหรัฐที่ระบุว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 10,000 คน มาอยู่ที่ระดับ 453,000 คน และทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะที่ ADP Employer Services รายงานว่าภาคเอกชนทั่วประเทศเพิ่มการจ้างงาน 55,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 65,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนพ.ค. ซึ่งกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยในวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 508,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 9.8%
หุ้นบีพีดีดตัวขึ้น 0.6% และช่วยหนุนหุ้นพลังงานตัวอื่นๆดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดพุ่ง 1.6% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 1.5% และหุ้นปิโตรแฟคทะยานขึ้น 5.2% ขณะที่บีพียังคงเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก
มูลค่าทางตลาดของบีพีลดลงไปแล้วถึง 34% นับตั้งแต่เกิดระเบิดที่แท่นขุดเจาะน้ำมันเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้คนงานของบีพีเสียชีวิต 11 คน อีกทั้งทำให้แท่นขุดเจาะมูลค่า 365 ล้านดอลลาร์ต้องจมลง ส่งผลให้น้ำมันจำนวนมากรั่วลงสู่อ่าวเม็กซิโก โดยจนถึงขณะนี้ บีพีได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในการอุดรอยรั่วและขจัดคราบน้ำมันออกจากทะเล
หุ้น ARM ซึ่งเป็นผู้ออกแบบเซมิคอนดัคเตอร์ที่ใช้ในเครื่อง iPhone ของบริษัทแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 5% หลังจากบริษัทวิจัยชื่อดัง การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่า ยอดขายเซมิคอนดัคเตอร์ทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัว 27% ในปีนี้