ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลกร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ และการที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษยอมรับว่า เศรษฐกิจอังกฤษมีปัญหารุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 56.94 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 5,069.06 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,040.26 - 5,126.00 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดิ่งลงหลังจากนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ชี้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศรุนแรงกว่าที่คาดคิดกันไว้ พร้อมกับเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือกับการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะ ชี้วิธีแก้ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวอังกฤษทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ รัฐบาลผสมที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตยมีกำหนดที่จะประกาศงบประมาณฉุกเฉินในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะเป็นการให้รายละเอียดของแผนลดรายจ่ายสาธารณะลงเป็นมูลค่ามหาศาล หลังจากที่เคยออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลตั้งเป้าจะลดรายจ่ายลงให้ได้ 6.2 พันล้านปอนด์ในปีงบประมาณนี้ เพื่อจัดการกับยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูงถึง 1.56 แสนล้านปอนด์ (2.25 แสนล้านดอลลาร์)
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงตามราคาโลหะและน้ำมันดิบ โดยเฉพาะราคาทองแดงที่ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 8 เดือน โดยหุ้นคาซัคมิสปิดร่วง 2.1% หุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส ปิดร่วง 3.2% หุ้นริโอทินโต ปิดร่วง 4.0%
ส่วนหุ้นบีพีร่วงลง 0.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นบีพีลงสู่ระดับ "neutral" จากระดับ "buy" ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก ส่วนหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดร่วง 1.1% และหุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดร่วง 2.3%