โบรกฯมองธุรกิจหลักทรัพย์ H2/53 แข่งสูง หันหารายได้อื่น-Prop Trade หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 30, 2010 15:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องแนวโน้มธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 53 ยังคงมีการแข่งขันสูงอย่างต่อเนื่อง โดยหลายโบรกฯเร่งปรับตัวเพื่อรับมือการเปิดเสรีฯในปี 55 เช่นมีการทำธุรกรรมต่าง ๆ มากขึ้นเพื่อหารายได้จากทางอื่นเข้ามาทดแทนรายได้จากค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง รวมถึง Prop Trade อีกทั้งยังมีการเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้งให้มากขึ้นด้วย

ช่วงครึ่งแรกปี 53 รายได้จากค่าคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภายหลังจากที่ได้มีการนำการคิดค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันได้มาใช้ตั้งแต่ต้นปี แต่มีหลายโบรกฯได้ปรับตัวหันมาใช้ Prop Trade ช่วยหนุนได้บ้าง

อย่างไรก็ดี ธุรกิจหลักทรัพย์ในครึ่งปีหลัง มองว่ายังได้ปัจจัยบวกจากวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมที่น่าจะยังดีอยู่ โดยวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมช่วงครึ่งแรกเฉลี่ยอยู่ประมาณ 23,000 ล้านบาท/วัน ทั้งนี้ได้ประมาณการวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมปี 53 ไว้ในช่วง 18,000-20,000 ล้านบาท/วัน จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 18,226 ล้านบาท/วัน

พร้อมระบุปีหน้าคงได้เห็นการควบรวมกิจการของโบรกเกอร์มากขึ้น โดยเฉพาะยิ่งใกล้ถึงเวลาการเปิดเสรีฯ

โบรกเกอร์ ประมาณการวอลุ่มเทรดเฉลี่ยปี 53 แนะนำหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ (ล้านบาท/วัน) ที่น่าสนใจใน H2/53 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) 18,000 ASP, BLS, PHATRA บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) 19,000 ASP, BLS บล.ฟินันเซีย ไซรัส 20,000 ไม่แนะนำลงทุน บล.พัฒนสิน - ไม่แนะนำลงทุน

นายกัณฑรา ลัดดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บล.ฟินันเซีย ไซรัส(FSS) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังคงมีการแข่งขันที่สูงอย่างต่อเนื่อง หลายโบรกฯจะเร่งปรับตัวเพื่อให้สามารถรองรับการเปิดเสรีฯในปี 55 อย่างเช่นมีการทำธุรกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อเป็นการหารายได้จากทางอื่นเข้ามาทดแทนรายได้จากค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง อาทิ ทำธุรกิจ SBL, ฟิวเจอร์, ทองคำล่วงหน้า รวมถึง Prop Trade อีกทั้งยังมีการเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้งให้มากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ธุรกิจหลักทรัพย์ยังได้แรงหนุนจากวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เฉลี่ยประมาณ 20,000 ล้านบาท/วัน ก็ถือว่าใช้ได้ โดยปีนี้บริษัทฯก็ประมาณการวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมเฉลี่ยที่ 20,000 ล้านบาท/วัน

แต่เนื่องจากธุรกิจหลักทรัพย์ยังมีความไม่แน่นอนของภาวะตลาดฯ และความผันผวนของรายได้ของธุรกิจหลักทรัพย์ ทำให้ฝ่ายวิจัยไม่ได้แนะนำให้ลงทุนหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์

"ปีหน้า(2554)น่าจะได้เห็นการควบรวมกิจการของบรรดาโบรกเกอร์มากขึ้น โดยเฉพาะยิ่งใกล้ถึงเวลาการเปิดเสรีฯ"นายกัณฑรา กล่าวทิ้งท้าย

น.ส.ดาวดี ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า การเปิดเสรีฯของธุรกิจหลักทรัพย์ จากการเริ่มคิดค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันไดเริ่มต้นปีนี้ จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีการแย่งลูกค้าที่จะรุนแรงมาก แม้แต่การหั่นราคาก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่คาดกัน แต่จะมีการเล่นกันในแง่ของมาร์เก็ตติ้งมากกว่าด้วยการลดแลกแจกแถมให้กับลูกค้า

ช่วงที่ผ่านมาครึ่งปีแรกจะเห็นได้ว่าโบรกฯที่ไม่มี Prop Trade รายได้จากค่าคอมมิชชั่นจะปรับตัวลงค่อนข้างมาก ขณะที่โบรกฯที่มี Prop Trade ค่อนข้างมา ก็จะทำให้รายได้จากค่าคอมมิชชั่นจะลดลงไม่มากนัก อย่าง บล.เอเซีย พลัส(ASP) และ บล.ภัทร(PHATRA)

นอกจากนี้ วอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมในช่วงครึ่งแรกปีนี้เฉลี่ยอยู่ประมาณ 23,000 ล้านบาท/วันดีกว่าที่ประมาณการทั้งปีนี้ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท/วัน ขณะที่ปีที่แล้ววอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 18,226 ล้านบาท/วัน ดังนั้น เมื่อครึ่งปีแรกทำวอลุ่มเทรดโดยรวมได้ดี อาจจะทำให้ต้องมีการทบทวนประมาณการวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมเฉลี่ยของปีนี้อีกครั้ง

ทั้งนี้ หากพิจารณาวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมในช่วงไตรมาส 2/53 จะเฉลี่ยมากกว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/53 ที่มีอยู่ในระดับ 16,756 ล้านบาท/วัน ถือว่าวอลุ่มเทรดของตลาดฯช่วงไตรมาส 2/53 ทำได้ดี ทั้งที่เป็นช่วงที่มีข่าวลบเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ

น.ส.ดาวดี กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำให้ลงทุนได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/53)คือ หุ้นบล.เอเชีย พลัส(ASP)ให้ราคาเป้าหมาย 1.98 บาท/หุ้น, หุ้น บล.บัวหลวง(BLS)ให้ราคาเป้าหมาย 13.4 บาท/หุ้น และหุ้นบล.ภัทร(PHATRA)ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 20.3 บาท/หุ้น ทั้ง BLS และ PHATRA ปีนี้เด่นที่งานวาณิชธนกิจ(IB)มีงานอยู่หลายตัว อย่างไรก็ดี หุ้นทั้ง 3 ตัวที่แนะนำนี้จะเห็นได้ว่ามี Upside ที่น่าสนใจ

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/53)ได้แนะนำเป็นการลงทุนแบบปกติ เนื่องจากธุรกิจหลักทรัพย์ได้มีการคิดค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันได และต่อไปก็จะเป็นแบบการเปิดเสรี ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการปรับธุรกิจให้เข้าที่

อย่างไรก็ดี ธุรกิจหลักทรัพย์ในครึ่งปีหลัง(H2/53)มองว่ายังได้ปัจจัยบวกจากวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมที่น่าจะยังดีอยู่แม้ว่าการคิดค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นไดจะส่งผลกระทบต่อค่าคอมมิชชั่นของโบรกฯให้ลดลง แต่โบรกเกอร์ก็ยังมี Prop Trade มาช่วยได้บ้าง

ทั้งนี้ ได้ประมาณการวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมในปีนี้(2553)ไว้ที่ 19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว(2552)ที่มีวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท

สำหรับหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ที่ยกให้เป็น Top Picks คือ หุ้น ASP โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 2.30 บาท/หุ้น เนื่องจาก ASP มีสัดส่วนรายได้ที่จะกระจาย โดยรายได้จากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์มีสัดส่วนแค่ 60% ฐานลูกค้าของ ASP ก็ไม่ได้อิงจากลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นหลัก นอกจากนี้ ASP ยังมีการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งด้วย

รองลงมาเป็นหุ้น BLS ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 14.80 บาท เนื่องจาก BLS เป็นลูกของแบงก์ การหาลูกค้าใหม่ ๆ จะได้เปรียบ อีกทั้งยังมีผลบวกจากที่มีพาร์ทเนอร์เป็นมอร์แกน สแตนเลย์ ด้วย

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัย บล.พัฒนสิน กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ไม่ได้แนะนำให้ลงทุนในระยะยาว เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงของขาลง รับผลจากการเปิดเสรีเป็นหลัก ทำให้รายได้เกือบทุกอย่างของโบรกเกอร์มีความไม่แน่นอนสูง โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่เริ่มใช้ค่าคอมมิชชั่นขั้นบันได เมื่อรายได้โบรกเกอร์ประมาณ 80% มาจากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ ดังนั้นจึงทำให้รายได้ของโบรกเกอร์ลดลง ซึ่งมองว่าปีนี้ธุรกิจหลักทรัพย์จะไม่ดีเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี บางโบรกเกอร์ก็มีพอร์ตลงทุนที่เรียกกันว่า Prop Trade ซึ่งก็มาช่วยได้บ้างเหมือนกัน จากตลาดโดยรวมที่ปรับตัวขึ้น โดยปกติก็จะทำให้พอร์ตโบรกฯมีผลกำไร

สำหรับหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ หากจะเล่นก็ต้องเป็นในลักษณะ"เทรดดิ้ง"ตามการคาดการณ์ผลประกอบการในแต่ละไตรมาส หรือจะเล่นรับข่าวการควบรวมกิจการก็ได้

"เมื่อมีการเปิดเสรีฯในธุรกิจหลักทรัพย์ ทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าจะต้องขาดทุน และตอนนี้จะเห็นได้ว่ารายได้ของโบรกเกอร์ ไม่ค่อยมี Stable income ทุกอย่างเหวี่ยงหมด มีความไม่แน่นอนสูงในเรื่องของการหารายได้"นายถนอมศักดิ์ กล่าว
แท็ก Trade  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ