นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมออก "กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund" ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือกองทุน Templeton Global Bond Fund (Master Fund) ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเฉลี่ยในรอบระยะเวลาบัญชี
ทั้งนี้การลงทุนในกองทุน Templeton Global Bond Fund จะอยู่ในรูปของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นกองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund จึงมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ในสัดส่วน 70-90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
กองทุน Templeton Global Bond Fund เป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่จดทะเบียนในประเทศ Luxembourg ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยกองทุนมุ่งหวังที่จะสร้างผลตอบแทนรวม จากทั้งดอกเบี้ยรับ การเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ และที่แตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอื่นๆ คือกองทุนมีการสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
ในการบริหารจัดการกองทุนนั้นกองทุน Templeton Global Bond Fund จะเน้นการบริหารแบบ Active เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ภายใต้การควบคุมปริมาณความเสี่ยงที่เหมาะสม โดย ณ วันที่ 31 พ.ค.53 นั้น กองทุน Templeton Global Bond Fund มีขนาดกองทุนใหญ่ถึง 25,229.76 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประมาณ 819,967 ล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยน 32.5 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา)
"ขนาดกองทุนที่ใหญ่นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่กองทุน Templeton Global Bond Fund มีผลตอบแทนในอดีตที่แข็งแกร่ง โดยในช่วงปี 47 — 53 นั้น กองทุนมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สูงถึง 10% ซึ่งยืนยันได้จากการที่กองทุน Templeton Global Bond Fund ได้รับการจัดอันดับจากบริษัทจัดอันดับกองทุนชื่อดัง โดย ณ สิ้น พ.ค.53 สถาบันจัดอันดับ Morningstar นั้นจัดอันดับกองทุนนี้อยู่ในระดับ 5-Stars ในขณะที่สถาบันจัดอันดับ Lipper นั้นให้คะแนนสูงสุด 5 คะแนนทั้งในด้านผลตอบแทนรวม (Total Return) และความสม่ำเสมอของผลตอบแทน (Consistent Return) นอกจากนั้นสถาบน Standard & Poors ยังได้จัดอันดับการบริหารกองทุนนี้อยู่ในระดับ AAA/V4 อีกด้วย" นายสมจินต์ กล่าวอย่างไรก็ตาม กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แม้ว่ากองทุนหลักจะมีการลงทุนในตราสารภาครัฐก็ตาม เนื่องจากกองทุนที่รูปแบบการบริหารที่ซับซ้อน มีการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีนโยบายการลงทุนที่อนุญาตให้ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่ลงทุนได้ (Non-investment Grade) ในสัดส่วนไม่เกิน 25% ของพอร์ตการลงทุน