ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากจีนเผยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลงในไตรมาส 2 ปีนี้ และสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 42.23 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,211.29 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,187.46 - 5,268.41 จุด
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของจีนเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 145.8 จุดในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ระบุว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง โดยวิลเลียม อดัมส์ นักเศรษฐศาสตร์ของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด กล่าวว่า "อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนมีเนวโน้มเคลื่อนไหวในระดับปานกลางในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของจีนปีนี้ ขยายตัว 10.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 11.9% เนื่องจากผลกระทบในเชิงบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มลดน้อยลง ขณะที่ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมขยายตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส ดิ่งลง 3.5% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 3.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์แบงค์ปรับเป้าหมายราคาหุ้นริโอทินโต
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเดือนมิ.ย.ขยับขึ้นเพียง 0.1% ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวอยู่ที่ 74.1% นอกจากนี้ เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 5.1 จุดในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 8.0 จุด ซึ่งข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนของสหรัฐทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า