ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 1.41 จุด แกร่งกว่าตลาดภูมิภาค, ลุ้นยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 19, 2010 12:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 828.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด(+0.17%)มูลค่าการซื้อขาย 15,035.78 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 829.67 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 826.09 จุด

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบ แต่ก็ดูจะแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาไม่ดี ทำให้เห็นว่าการฟื้นตัวบางส่วนยังไม่ชัดเจน นักลงทุนก็เลยมีความไม่มั่นใจเกิดขึ้น

ด้านฝั่งยุโรปก็รอดูผล Stress Test ของธนาคารยุโรป ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าคงจะไม่มีผลกระทบรุนแรง เนื่องจากมาตรฐานของสถาบันการเงินในยุโรปมีอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว

"ดัชนี SET ได้ปรับตัวขึ้นมาพอควรในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งที่ระดับนี้อาจจะมีแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นได้บ้าง อย่างไรก็ดีภาพโดยรวมของตลาดบ้านเรายังเป็นบวกอยู่ เพียงแต่นักลงทุนรอดูแนวโน้มต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง"นายปริญทร์ กล่าว

สำหรับปัจจัยในประเทศ เวลานี้ก็น่าจะมีเรื่องโอกาสในการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯในต่างจังหวัด ซึ่งจะมีการพิจารณาในที่ประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมองว่าบางจังหวัดอาจจะมีการยกเลิกได้ แต่ก็ต้องรอดูต่อไป

ด้านนายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้านี้ถือว่า Outperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ส่วนหนึ่งเพราะว่าการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำมาก โดยสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติเหลือลงมาอยู่ในระดับแค่ 10% เท่านั้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นไทยกับหุ้นเพื่อนบ้านแยกออกจากกัน โดยตลาดส่วนใหญ่ปรับตัวลงในขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยไม่มีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติมากดไว้เหมือนตลาดอื่น

ทั้งนี้ ปัจจัยในต่างประเทศ จะเห็นได้ว่านักลงทุนยังกังวลในเรื่องข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาไม่ค่อยดี ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.ค.ที่ร่วงลงเกินคาด ส่วนผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่ประกาศออกมาก็ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งแบงค์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเจนเนอรัล อิเล็คทริก และคาดว่าถ้าหมดช่วงของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแล้วอาจจะทำให้ไม่มีปัจจัยมากระตุ้น และอาจทำให้ตลาดสหรัฐฯพักฐานได้

นอกจากนี้ คาดว่าการประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้เรื่องการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯในบางพื้นที่อาจจะเป็นปัจจัยจิตวิทยาที่ช่วยหนุนตลาดฯในช่วงสั้น แต่ต้องติดตามว่าจะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯในพื้นที่กรุงเทพฯหรือไม่ เพราะถ้ากรุงเทพฯยังไม่มีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯก็อาจส่งผลทำให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมา

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นักวิเคราะห์ฯ ต่างเห็นพ้องว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบเหมือนช่วงเช้า แต่อาจจะผันผวนในแดนบวก-ลบได้ เนื่องจากตลาดฯไม่ได้มีปัจจัยใหม่เพิ่มเติม และไม่มีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมากดดัน พร้อมให้แนวรับ 825 จุด ส่วนแนวต้าน 830-831, 835 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,784.80 ล้านบาท ปิดที่ 24.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

TMB มูลค่าการซื้อขาย 1,365.89 ล้านบาท ปิดที่ 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 1,071.62 ล้านบาท ปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท

BJC มูลค่าการซื้อขาย 673.33 ล้านบาท ปิดที่ 18.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 552.74 ล้านบาท ปิดที่ 0.81 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ