ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นเกินคาด และบริษัท เฟดเอ็กซ์ คอร์ป ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมากขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ที่ระบุว่า มีธนาคารในยุโรปเพียง 7 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบครั้งนี้
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวกขึ้น 38.50 จุด หรือ 0.72% แตะระดับ 5,351.12 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 23.6% สู่ระดับ 330,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 267,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 30 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ยูนิตต่อปี ยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย.ส่งผลให้จำนวนบ้านใหม่ที่ยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายในตลาดสหรัฐ ปรับตัวลดลง 1.4% มาอยู่ที่ระดับ 210,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 42 ปี
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมชิปปิ้งอย่าง เฟดเอ็กซ์ คอร์ป คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1.05 - 1.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 85 เซนต์ ถึง 1.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น
รวมทั้งผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารยุโรปที่บ่งชี้ว่า มีธนาคารเพียง 7 แห่งจาก 91 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบ เนื่องจากธนาคารทั้ง 7 แห่งมีอัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์ต่ำกว่าระดับอ้างอิงขั้นต่ำของ CEBS ที่ 6% จึงทำให้ธนาคารเหล่านี้ต้องระดมทุนเป็นเงินรวมกันมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม นายจิโอวานนี คาโรซิโอ ประธาน CEBS กล่าวว่า จำนวนเงินที่ธนาคารต้องระดมทุนรวมกันในครั้งนี้ไม่มากเท่ากับที่มีการประเมินไว้เบื้องต้น เนื่องจากรัฐบาลในกลุ่มสหภาพยุโรปได้อัดฉีดเงินทุนจำนวนมากเข้าสู่ระบบเมื่อไม่นานมานี้ และผลการทดสอบยืนยันชัดเจนว่า โดยภาพรวมแล้วระบบการธนาคารของสหภาพยุโรปสามารถต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินได้