BGTแย้มเตรียมแจกข่าวดี พร้อมเปิดตัวแบรนด์ PMเป็นทางการลุยทำตลาดเต็มที่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 2, 2010 15:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บีจีที คอร์ปอเรชั่น(BGT)แย้มเตรียมประกาศข่าวดี พร้อมกับการเปิดตัวสินค้านำเข้าจากอังกฤษแบรนด์"PM หรือ People's Market"อย่างเป็นทางการ ส่วนยอดขายและกำไรช่วงที่ผ่านมาทั้งไตรมาส 1/53 และไตรมาส 2/53 เติบโตในทิศทางเดียวกัน แม้ว่าจะมีการชุมนุมทางการเมืองแต่ไม่กระเทือนภาพรวม ส่วนไตรมาสที่เหลือคาดว่าจะเติบโตดีต่อเนื่องจากการเปิดสาขาใหม่และเพิ่มจุดขาย อีกทั้งมั่นใจเข้าไฮซีซั่นแน่ปลายปีนี้ ขณะทีการขยายสาขาต่างประเทศและแตกไลน์ไปสู่สินค้าอื่นคาดว่าคงได้เห็นในปีหน้า

นายนพดล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหาร BGT เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แบรนด์สินค้า PM ที่นำสินค้าเข้ามาจากกรุงลอนดอน ตอนนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ดารา เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีเทรนด์ของการดีไซน์ล้ำหน้าและใช้วัสดุตัดเย็บที่ดี ซึ่งบริษัทจะมีการเปิดตัวเพื่อวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หลังจากเลื่อนมาเพราะมีการชุมนุม

ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะเปิดตัวเพื่อวางจำหน่ายสินค้าของ PM อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ พร้อมกับที่บริษัทเตรียมที่จะประกาศข่าวดี แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ในขณะนี้

"ในปีนี้คงเป็นแบรนด์ PM ก่อน ส่วนแบรนด์ใหม่ๆในปีนี้คงยังไม่มีเพิ่มเติม ซึ่งแบรนด์ PM หลังจากที่เราประชุมในวันที่ 11 ส.ค.นี้ก็จะกำหนดวันที่จะ launch...เชื่อว่าถ้าทำการ launch อย่างเป็นทางการแล้วจะส่งผลดีขึ้นเพราะจะมีงานมาร์เก็ตติ้งเข้ามาผสมผสานอย่างสมบูรณ์ขึ้น คาดว่าจะ launch พร้อมๆ กับข่าวดีเรื่องใหม่ที่จะมีเข้ามา"นายนพดล กล่าว

"มีเรื่องใหม่ที่จะแทรกเข้ามาก่อน ซึ่งเรื่องใหม่นี้ไม่ใช่เป็นสินค้าแต่เป็นเรื่องโครงสร้างระดับสำคัญ"นายนพดล กล่าว

*ยอดขาย Q1-Q2/53 โตทิศทางเดียวกัน,Q3-Q4/53 โตต่อเนื่อง

สำหรับยอดขายและกำไรไตรมาส 2/53 น่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับไตรมาสแรกที่ออกมาดี แม้จะมีช่วงสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองกระทบยอดขายบางส่วน เช่น ทางภาคอีสานชะลอไปราว 20% เพราะประชาชนเข้ามาชุมนุมที่ กทม.และในส่วนของขอดขายของสาขาใกล้พื้นที่ที่ชุมนุมได้รับผลกระทบบ้าง แต่เนื่องจากบริษัทขยายสาขาและจุดกระจายสินค้าค่อนข้างจะเข้าถึงทุกพื้นที่ ทำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้

"ไตรมาส 2 แนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นส่งผลให้น่าจะมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ เท่าที่ได้รับรายงานกำลังซื้อก็กลับมาแล้ว โดยรวมคาดว่ารายได้และกำไรน่าจะดีขึ้นดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไตรมาส 1/53 กำไรเราก็โต 40% กว่า ไตรมาส 2 ก็น่าจะโตในทิศทางเดียวกับไตรมาสแรก"นายนพดล กล่าว

ส่วนคาดการณ์กำไรทั้งปี 53 หากสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นก็ส่งผลดีต่อกำไรโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว และหากไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองวุ่นวายขึ้นมาอีก ก็น่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท ประกับช่วงไตรมาส 4/53 ก็จะเข้าสู่ไฮซีซัน ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการเปิดสาขาและเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"ช่วงไตรมาส 4 ก็เป็น high ของธุรกิจเรา โดยธรรมชาติไม่ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดีอย่างไรไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูงที่สุดมีวันหยุดเยอะ ปกติก็จะเป็นไตรมาสที่จะดันยอดขาย"นายนพดล กล่าว

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายจากปี 52 ไม่น้อยกว่า 10-15% หรือมียอดขายอยู่ที่ 770 กว่าล้านบาท จากแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยดีขึ้นด้วยและในขณะเดียวกันก็มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จากต้นปีอยู่ที่ 98 สาขา คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะถึง 150 สาขา และยังมีสินค้าที่หลากหลายสนับสนุนยอดขายเติบโตได้ตามเป้า

*คาดแผนนำเข้าน้ำหอม-เครื่องประดับฯ,เปิดสาขาต่างประเทศ ไม่ทันปีนี้

นายนพดล กล่าวว่า ขณะนี้ยอดขายหลักมาจากสินค้า Body Glove ทั้งเสื้อผ้าแนว Sport และ Denim โดยฉพาะ denim หรือร้านขายยีนส์ก็ไปได้ดีและได้รับความนิยมมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการขายผ่านเคาท์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าที่มีพื้นที่อำนวยอย่างพื้นที่สาขาที่มี 150 ตร.ม.ขึ้นไป ส่วนแบรนด์ PM วางทั้งเป็นช็อปและเคาน์เตอร์ด้วย

"ยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้ มาจากยอดขายต่อสาขาเดิมของ Body Glove ก็เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน Denim ก็เข้ามาเพิ่มยอดขายให้ด้วย และยังมองครึ่งปีหลังกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ดีขึ้น"นายนพดลกล่าว

บริษัทตั้งเป้าในปีนี้ขยายสาขาและจุดขายกางเกงยีนส์(ยีนส์ เคาน์เตอร์)ไม่ต่ำกว่า 15-20 สาขา ส่วนร้าน Body Glove โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 10-15 สาขา จะทำให้สิ้นปีนี้สาขารวมทั้งหมดน่าจะได้ถึง 150 สาขา รวมทั้งช็อป PM ด้วย

ส่วนแผนศึกษาการนำเข้าสินค้าอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายในประเทศ เช่น น้ำหอม เครื่องประดับ ชุดว่ายน้ำ เสื้อผ้าผู้หญิง ชุดชั้นใน คงต้องใช้เวลาอีกระยะไม่ใช่เร็วๆ นี้ คาดว่ายังไม่เห็นไตรมาส 4/53 เช่นเดียวกับที่บริษัทได้ลิขสิทธิ์ขยายสาขาร้าน Body Glove ไป 5 ประเทศ เช่น เวียดนาม พม่า ลาว และฟิลิปปินส์ ไม่แน่ใจว่าจะเห็นในปีนี้หรือไม่ ต้องรอสรุปรายละเอียด แต่อย่างที่เวียดนามขณะนี้กำลังเริ่มพูดคุยกันแล้ว

นายนพดล ยังกล่าวว่า ปัญหาของบริษัทขณะนี้คือหุ้น BGT ซื้อขายในตลาดน้อยมาก เพราะนักลงทุนถือยาวเพื่อรับเงินปันผล อย่างผลดำเนินงานงวดปี 52 ก็ยังได้อัตราเงินปันผลที่กว่า 200% ปีนี้หากกำไรมากก็จะทำให้ปันผลมากไปด้วย

อนึ่ง งวดปี 52 จ่ายเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท และหุ้นปันผลในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในรูปเงินสดและหุ้นปันผลในอัตรา 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลที่จ่ายเท่ากับ 206.50% ซึ่งมากกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ