ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงแม้ธนาคารบาร์เคลย์สรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 20.38 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 5,365.78 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 479,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ และบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังอ่อนแอ ในขณะที่บริษัทหลายแห่งยังคงลดการจ้างงาน
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะลดลง 65,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะอยู่ที่ 9.6% เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงแม้บาร์เคลย์ส พีแอลซี ธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 29% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แตะที่ระดับ 2.4 พันล้านปอนด์ (3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลคือตัวเลขหนี้เสียในสเปนของบาร์เคลย์สยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ หุ้นบาร์เคลย์สร่วงลง 4.7% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดลบ 0.2% หุ้นธนาคาร HSBC ปิดลบ 0.5% และหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดลบ 0.1%
ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานนี้ เนื่องจากธนาคารกลางยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ
แม้อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษ ซึ่งชี้วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ระดับ 3.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ธนาคารกลางอังกฤษกำหนดไว้ที่ 2% แต่ธนาคารกลางยังไม่ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย เพราะข้อมูลเศรษฐกิจในด้านอื่นๆยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว