CPALL เผยรายได้ H1/53 โต 22%สูงกว่าเป้า,ลุ้นบอร์ดพิจารณาจ่ายปันผลพิเศษ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 11, 2010 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ การเงินและลงทุนสัมพันธ์บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL)เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 115,285 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 4,597 ล้านบาท แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่รายได้จะสูงกว่าเป้าหมาย เพราะยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายเติบโตแล้ว 22% โดยการเติบโตจะมาจากทั้งยอดขายร้านเดิม และจากการเปิดสาขาที่เพิ่มขึ้น

ในครึ่งปีหลังบริษัทเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องอีก 200 สาขา ซึ่งเป็นไปตามแผนในการขยายสาขาทั้งปีที่ 450-500 สาขา และอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์วิจัยและกระจายสินค้าอีก 1 แห่งที่ขอนแก่นในครึ่งปีหลัง จากที่ผ่านมาได้มีการขยายย่านชานเมืองกรุงเทพ 2 แห่ง คือที่บางบัวทอง และสุวรรณภูมิ และในต่างจังหวัดที่ จ.สุราษฎานี นอกจากนี้จะมีการขยายศูนย์กระจายสินค้าต่อเนื่องอีก 1 แห่งในภาคเหนือ คาดว่าจะเห็นได้ในปี 54 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวม 900 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินในไตรมาส 3/53 บริษัทคาดว่ายอดขายจะปรับลดลงจากไตรมาส 2/53 เล็กน้อย เพราะเป็นช่วงฤดูกาล และเชื่อว่าในไตรมาส 4/53 จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นในช่วงเทศกาลทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 28% จากปีก่อน 27.6% โดยไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 28.5% และบริษัทจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3/53 ให้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายเกรียงชัย กล่าวต่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการจ่ายเงินปันผลพิเศษในปีนี้หลังจากที่บริษัทจัดการกับหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ แต่ทั้งนี้อัตราในการจ่ายคงขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคณะกรรมการที่จะมีการประชุม ส่วนการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานทั้งปีเชื่อว่าจะจ่ายได้มากกว่าปีก่อนที่จ่ายในอัตรา 0.80 บาท/หุ้นเพราะจากกำไรและรายได้ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 4,000 ล้านบาทในปีนี้เพื่อขยายสาขา 1,500 ล้านบาท และปรับปรุงร้านเดิม 900 ล้านบาท และเป็นการลงทุนในบริษัทลูกอีก 900 ล้านบาท ลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์อีก 700 ล้านบาท

ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในครึ่งปีหลังมองว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เชื่อธุรกิยังเติบโตได้ดีอยู่ เพราะหากดู GDP ของไทยก็มีอัตราการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มมาสู่ภาวะปกติ แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ยังต้องติดตามในเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความแน่นอนในการฟื้นตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ