(เพิ่มเติม) SMTเชื่อ H2/53 รายได้สกุลบาทดีกว่า H1 แม้บาทแข็ง,ย้ำกำไรทั้งปีโต 80%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 19, 2010 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กโทรนิคส์(SMT) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่ารายได้สกุลเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก แม้ว่าขณะนี้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมา และบริษัทจะทำการส่งออกสินค้าเกือบทั้ง 100% เนื่องจากบริษัทเน้นการผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงภายใต้กลยุทธ blue ocean ทำให้มียอดขายที่ดี

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทจะทำการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศเกือบทั้ง 100% และรายได้ต่างประเทศที่เข้ามาเมื่อแปลงเป็นเงินบาทอาจจะลดน้อยลง แต่อีกขาหนึ่งบริษัทก็ซื้อวัตถุดิบที่มีรายจ่ายเป็นเงินดอลลาร์จำนวนมากเช่นกัน

"บาทที่แข็งขึ้นเรื่อยๆ รับรู้รายได้เป็นเงินบาทอาจน้อยลง แต่ดอลลาร์เหมือนเดิม ที่ผ่านมาเรายังมีสถานะเป็นบวก แม้บาทแข็ง เป็นเพราะการบริหารจัดการที่ดี มีทำ forward contract ทำ natural hedging และมีทีมเฝ้าดูตลอด จึงยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"นายพลศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 80% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดการณ์รายได้รวมในปี 53 เติบโต 25-30% โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ 7,244 ล้านบาท มากกว่าปี 52 ทั้งปีที่ทำรายได้ 11,051 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังรายได้น่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากกลุ่มสินค้า 2 กลุ่มหลักยังมีการเติบโตชัดเจน โดยเฉพาะชิ้นส่วนสมาร์ทโฟน และไมโครโปรเจ็กเตอร์เลเซอร์ ซึ่งในอนาคตจะนำไปใช้ในอุปกรณ์โมบายล์และกล้องถ่ายรูป มีอัตราการเติบโตสูงมาก

บริษัทเชื่อว่าในครึ่งปีหลังรายได้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและอัตรากำไรก็สูงขึ้น ทั้ง IC และ MEMS ต่าง ๆ ทำให้บริษัทเตรียมขยายความสามารถการผลิตเพื่อรองรับการเติบโต เพราะมองว่าครึ่งปีหลังจะขยายฐานลูกค้า โดยดึงลูกค้ายุโรปเข้ามา และลูกค้าญี่ปุ่นจะใช้ชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนในโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ประกอบกับจีนที่ประสบปัญหาแรงงานและเงินหยวนแข็งค่าเป็นผลกระทบทางบวกกับธุรกิจของบริษัท เนื่องจากไทยยังเป็นแหล่งสำคัญในการผลิต HDD IC แพ็กเก็จจิ้ง

"เรามุ่งเน้นสินค้า blue ocean โดยเฉพาะชิ้นส่วนสมาร์ทโฟน กลุ่มเซนเซอร์ TPMS, MEMS ไมโครโปรเจ็กเตอร์ฯ ซึ่งมีมาร์จินดี ยังมีช่วงว่างที่จะทำกำไรได้เยอะ"นายพลศักดิ์ กล่าว

อนึ่ง สายการผลิต IC ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 70% จากปีที่แล้วเป็น 1,200 ล้านชิ้นต่อปี และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะผลิตได้ถึง 1,500 ล้านชิ้นต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ