ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐได้ฉุดราคาพลังงานและโลหะพื้นฐานในตลาดโลกดิ่งลง ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ในตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ดิ่งลง 91.58 จุด หรือ 1.73% ปิดที่ 5,211.29 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,205.64 - 5,336.35 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งแตะระดับ 500,000 คน และดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงสู่ระดับ -7.7 จุดในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดีดตัวขึ้น
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลกร่วงลง และฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลงด้วย โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ต่าง ปิดลบ 2.7% หุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จีซึ่งเป็นบริษัทสำรวจแหล่งพลังงานร่วงลง 4.3% หุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ร่วงลง 4.8% และหุ้นบีพีร่วง 2.7%
ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลงตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลก รวมถึงราคาทองแดงและนิกเกิล โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.2% หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดลบ 2.3% หุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส ปิดร่วง 3.5% และหุ้นริโอทินโตปิดร่วง 4.4%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่ได้มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมขยายตัว 1.1% จากเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ 3.1% ในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 3.2% ในเดือนมิถุนายน แต่ยังสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ