ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดลบ 5.94 จุด วอลุ่มหนาแน่นเกือบ 5 หมื่นลบ.,แรงขายทำกำไรทุบตลาดร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 25, 2010 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 884.51 จุด ลดลง 5.94 จุด(-0.67%)มูลค่าการซื้อขาย 49,390.63 ล้านบาท วอลุ่มสูงสุดในรอบประมาณ 10 เดือน นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวน โดยเฉพาะท้ายภาคบ่ายร่วงลงมาในแดนลบ หลังจากเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า และมีแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารขนาดกลาง-เล็ก ตัวหลักคือ JAS เช้าพุ่งแรง-ปิดติดลบ ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ย กนง.ไม่ได้ช่วยหนุนตลาดฯอย่างที่คาด มองพรุ่งนี้ดัชนีไปไม่ไกล พร้อมให้แนวรับ 880 จุด แนวต้าน 890 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันนี้ปิดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 884.51 จุด ลดลง 5.94 จุด(-0.67%)มูลค่าการซื้อขาย 49,390.63 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน ก่อนจะร่วงลงมาในแดนลบช่วงครึ่งท้ายภาคบ่าย โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ระดับ 896.72 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 881.87 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 107 หลักทรัพย์ ลดลง 281 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 119 หลักทรัพย์

นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนมาก โดยในครึ่งเช้าก็แกว่งตัวสลับบวก-ลบ และท้ายภาคบ่ายก็การขายทำกำไรออกมามาก ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความผันผวนในวันนี้คงจะมาจากการเก็งกำไรหุ้น JAS ที่ค่อนขึ้นมาค่อนข้างแรงในช่วงครึ่งเช้า และพอช่วงท้ายบ่ายกลับมีการขายทำกำไรออกมา ซึ่งตรงนี้ทำให้ sentiment ของตลาดฯไม่ค่อยดีนัก

"วันนี้ที่มีผลกระทบจริงๆ ถ้าตามดูก็มาจากแรงเก็งกำไรในตัวของ JAS ตัวเดียวเลย ที่ทำให้ตลาดเซในเรื่องของ sentiment เพราะคนกลัวในเรื่องของ cash balance"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนปัจจัยอื่นในประเทศทั้งเรื่องมาบตาพุดและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของกนง.ก็คิดว่าคงไม่ส่งผลกับตลาดฯมากนัก เพราะภาพรวมก็รับรู้กันไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลง

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(26 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งตัวลักษณะใกล้เคียงกับวันนี้ พร้อมให้แนวรับ 880 จุด แนวต้าน 890 จุด

ขณะที่นายวิจิตร ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส บล.พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายปรับตัวผันผวน ในแดนลบเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทำกำไรและหันมาถือเงินสดแทน ประกอบกับความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐที่ทำให้ผิดหวังยิ่งบั่นทอนตลาด และจากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อ Fund flow บ้าง แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ จากก่อนหน้านี้ที่เข้ามาซื้อค่อนข้างมาก

ขณะที่ตลาดถูกกดดันจากปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารที่มีขนาดเล็กที่ถูกขายทำกำไรเนื่องจากมองว่าผู้ประกอบการรายเล็กมีโอกาสที่จะได้ค่อนข้างยากที่จะได้รับใบอนุญาต 3G เพราะใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

JAS มูลค่าการซื้อขาย 5,793.85 ล้านบาท ปิดที่ 1.64 บาท ลดลง 0.10 บาท

TMB มูลค่าการซื้อขาย 3,942.42 ล้านบาท ปิดที่ 2.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท

BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,679.73 ล้านบาท ปิดที่ 0.87 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท

SSI มูลค่าการซื้อขาย 2,336.59 ล้านบาท ปิดที่ 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,956.40 ล้านบาท ปิดที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ