โบรกฯแนะรอ"ซื้อ"CPN เปิดสาขาใหม่หนุนโตปี 54-56,ลุ้นสรุปวงเงินประกัน CTW

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 26, 2010 15:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกแกอร์ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN) มองเป็นหุ้นเติบโตในระยะยาวนับจากปี 54-56 ที่มีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 5 แห่ง และโรงแรมอีก 1 แห่งทำให้การเติบโตสูง แม้ว่าปีนี้ผลกำไรสุทธิในปีนี้จะอ่อนตัวลงไปจากที่เหตุการณ์เพลิงไหม้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์(CTW) แต่มีรายได้จากการเลื่อนปิดปรับปรุงสาขาลาดพร้าวมาชดเชยได้บ้าง และเชื่อว่าจะได้รับเงินชดเชยประกันครอบคลุมความเสียหายได้ทั้งหมด โดยจะรู้ผลในไตรมาส 4/53 หรือต้นปี 54

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นตอบรับความคาดหวังการได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัยไปแล้ว จึงแนะให้รอราคาอ่อนตัวจึงเข้าลงทุนจะดีกว่า

          โบรกเกอร์        คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          บล.ทิสโก้           ซื้อ               31.50
          บล.เคจึไอ          ซื้อ               30.00
          บล.เอเซียพลัส       ซื้อ               28.51
          บล.ฟิลลิป           ถือ               26.00

นักวิเคราะห์จาก บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ในปี 53 ต้องยอมรับว่า CPN ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้ลดลงจากปีก่อน โดยประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านบาท จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 4.9 พันล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ CPNRF จำนวน 2 พันกว่าล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร CPN แจ้งว่าในไตรมาส 4/53 น่าจะสรุปเรื่องเงินชดเชยความเสียหายเซ็นทรัลเวิล์ด โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าบริษัทจะได้รับเงินเคลมประกันครบทั้งจำนวนทั้งค่าเสียหายจากทรัพย์สินและความเสียหายจากการขาดรายได้ เนื่องจากมีการทำประกันภัยครบทุกประเภท คุ้มครองความเสี่ยงทุกชนิด รวมถึงประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักและประกันก่อการร้าย วงเงินประกันสูงสุดถึง 2.3 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี คาดว่าอาจจะรับรู้ฯเข้ามาในงบการเงินไม่ทันภายในปีนี้

ขณะที่ในปี 54 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมินไว้ 2.3 พันล้านบาท โดยหลักมาจากรายได้ศูนย์การค้าแห่งใหม่ และคาดว่าในช่วงปี 54-56 บริษัทจะมีการขยายตัวมากขึ้นจากกการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องทุกปี รวม 6 โครงการ ประกอบด้วยโรงแรมฮิลตัน พัทยา จำนวน 300 ห้อง จะเปิดปลาย ต.ค.53 และศูนย์การค้าใหม่ 5 แห่งที่ เชียงราย, พิษณุโลก, พระราม 9, สุราษฏร์ธานี และ เชียงใหม่ เฟส 2 รวมพื้นที่ให้เช่า 2 แสนตารางเมตร จะทยอยเปิดปี 54-56

"เรามองระยะยาว เป็น Growth stock เพราะมีศักยภาพเติบโต จากการเปิดศูนย์ใหม่ ในปี 54-56 เราให้ลงทุนระยะยาว ตอนนี้ราคาขึ้นมาแล้ว แนะรอให้ซื้อเมื่ออ่อนตัว"นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้ มูลค่าพื้นฐานปี 53 อิง DCF-WACC 9.1% อยู่ที่ 28.51 บาท และเพิ่มเป็น 32.12 บาทในปี 54

ด้านนายดนัย ตุลยาพิศิษฐ์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) คาดว่า กำไรสุทธิของ CPN ในปี 53 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท และเชื่อว่าบริษัทจะได้รับการชดเชยจากประกันทั้งกรณีรายได้ที่หายไป รวมค่าซ่อมแซม ซึ่งคาดว่าในเดือน ต.ค.นี้จะได้ข้อสรุปวงเงินที่ชัดเจน

"ผมว่าหุ้นตัวนี้แข็งแรง ไฟไหม้ศูนย์ขนาดนี้ แต่ราคาหุ้นยังไม่ตก...เข้าใจว่าหุ้น CPN คาดหวังได้เงินประกัน ผมว่าต่างประเทศถือไว้เยอะ ตอนนี้อยู่เฉยๆ รอให้ราคาต่ำลงมากว่า 22 บาท จะได้ผลตอบแทน 15%"นายดนัย กล่าว

นอกจากนี้ ปี 54 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ดจะกลับมารับรู้รายได้เต็มปี ขณะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวปิดทำการ 14 ก.พ.54 และจะกลับมาเปิดในปี 55 รวมกับเปิดศูนย์ใหม่ 2 แห่งที่เชียงรายและพิษณุโลก ส่วนปี 55 จะเปิดสาขาใหม่ที่ถนนพระราม 9 ส่งผลให้รายได้ของบริษัททยอยฟื้นกลับมา โดยประเมินว่าปี 54 และ ปี 55 จะมีกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท และ 3.5 พันล้านบาท

บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุว่า แนวโน้มระยะยาวหุ้น CPN ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเกิดเหตุไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ แผนการขยายธุรกิจในระยะยาวของบริษัทยังคงดำเนินต่อไป โดยจะเปิด 3 โครงการใหม่ พื้นที่ค้าปลีกรวม 1 แสน ตรม.ในทุกๆ ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ไว้ได้ที่ 15% ต่อปี

นอกจากนี้ แนวโน้มพื้นที่เช่ายังคงดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในแง่เงินทุน บริษัทฯ จะยังคงใช้วิธีขายสินทรัพย์ให้กับ CPNRF เป็นหนึ่งในช่องทางหลักในการหาเงินทุน

นอกจาก 5 ศูนย์การค้าใหม่แล้ว บริษัทยังวางแผนการลงทุน 5 ปีเพิ่มอีก 22.6 พันล้านบาทสำหรับอีก 11 โครงการ (8 โครงการในประเทศทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด และอีก 3 โครงการในต่างประเทศ)ในช่วงปี 53 — 57 สำหรับโครงการในต่างประเทศ CPN จะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้บริหารโครงการ(property manager) และจะจำกัดการลงทุนในระดับไม่เกิน 2 พันล้านบาทต่อโครงการ เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากการลงทุนในระยะเริ่มต้นในต่างประเทศ "เราเชื่อว่าตลาดได้คาดถึงผลประกอบการที่ตกต่ำจากเหตุปิดเซ็นทรัลเวิลด์ไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่การกลับมาเปิดดำเนินงานของเซ็นทรัลเวิลด์ในเดือน ก.ย.จะเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้นต่อราคาหุ้น และปัจจัยบวกระยะกลางจะมาจากการสรุปค่าเสียหายที่แท้จริงและเงินสินไหมทดแทนเซ็นทรัลเวิลด์ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/53-ไตรมาส 1/54 "บทวิเคราะห์ ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ