CI ลบ 2.8% ผู้บริหารปัดข่าวออกวอร์แรนต์ รับเคยศึกษาจริงแต่ยังไม่มีแผน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 3, 2010 12:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น CI ลบ 2.80% มาที่ 5.20 บาท ลดลง 0.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 18.96 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.26 น.โดยเปิดตลาดที่ 5.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 5.35 บาท และราคาปรับตัวตัวลงต่ำสุดที่ 5.20 บาท

นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์(CI)เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีแผนออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(วอร์แรนต์)ตามที่มีโบรกเกอร์บางรายคาดการณ์ว่าจะมีการออกวอร์แรนต์เพื่อนำเงินไปลดอัตราหนี้สินลง

แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาบริษัทเคยมีการศึกษา แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนงานดังกล่าว เนื่องจากไม่มีความจำเป็นเร่งรีบที่จะต้องใช้เงิน ขณะเดียวกันสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ยอดขายบบริษัทในช่วงที่ผ่านมาดีขึ้นและมีการโอนโครงการให้ลูกค้าค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดลง และบริษัทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ D/E จะลดลงเหลือ 1 เท่า จากที่โบรกประเมิน D/E ที่ 1.6 เท่า

ส่วนความคืบหน้าการขายโครงการศรีพันวาให้เป็นสินทรัพย์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นั้น นายสงกรานต์ กล่าวว่า คงจะเลื่อนไปก่อน เพราะบริษัทต้องการดูผลการดำเนินงานช่วงสิ้นปีนี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะถือว่าสำคัญต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น นอกจากนั้น ขณะนี้ธุรกิจโรงแรมยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ จากผลกระทบธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ในช่วงต้นปี 54

"ตอนนี้สัญญานการกลับมาของลูกค้าต่างชาติในโครงการศรีพันวาเริ่มมาแล้วในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา สนใจที่จะ ซื้อวิลล่าของเราราคา 180-200 ล้านบาทต่อยูนิต คุยอยู่ 2-3 ราย ซึ่งจะส่งผลดีต่อโครงการศรีพันวาและกองทุนอสังหาฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"นายสงกรานต์ กล่าว

นายสงกรานต์ กล่าวถึงการขายที่ดินย่านสุวรรณภูมิ 1 พันไร่ว่า ขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาเจรจา 2- 3 ราย แต่ยังไม่มีกำหนดว่าจะสามารถสรุปผลการขายที่ดินได้เมื่อไร คงต้องพิจารณาราคาที่เหมาะสมก่อน ขณะที่บริษัทมีแผนจะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการในอนาคต

สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ หลังจากไตรมาส 2/53 มีผลขาดทุน 15 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)รวม 500-600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงไตรมาส 3/53 ประมาณกว่า 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ในช่วงถัดไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ