KSL คาดกำไรงวดปี 54 ฟื้นโต 8-10% หลังงวดปีนี้พลาดเป้าจากขาดทุนอนุพันธ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 15, 2010 11:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL)คาดกำไรสุทธิในงวดปี 54(สิ้นสุด ต.ค.54)จะกลับมาฟื้นตัวเติบโตได้ถึง 8-10% หลังจากงวดปีนี้กำไรจะลดลงกว่าปีก่อนที่มีกำไร 900 ล้านบาท เนื่องจากรายได้เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ว่าจะเติบโต 20% รวมทั้งบริษัทขาดทุนจากการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ซึ่งทยอยรับรู้ผลขาดทุนในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่บริษัทคาดการณ์ผิดพลาดว่างวดปีนี้จะมีปริมาณน้ำตาล 4.8 ล้านตัน แต่ได้จริงแค่ 4.3 ล้านตัน

นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ KSL กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในงวดปี 54 รายได้จะเติบโตตามปริมาณน้ำตาลที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 10% เป็น 4.7 ล้านตัน และมองว่าแนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีราว 20 เซ็นต์/ปอนด์ น่าจะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นกว่าปี้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 8-10%

"ทั้งปีนี้ กำไรเราก็คงลดลงมาจากปีที่แล้ว จากที่เราขาดทุนตราสารอนุพันธ์ ซึ่งหลัก เป็นความเสี่ยง...ผลผลิตก็ไม่ได้ตามเป้า น้อยกว่าที่เราคาดไว้ ก็ทำให้เราซื้อตั๋วตืนมา ถ้าไม่มีตัวนี้อะไรก็ดีหมด เพราะราคาน้ำตาลก็ดี อะไรก็ดีหมด เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง 4-5 ปีจะมีสักครั้งหนึ่ง ความจริงเราก็ไม่เคยซื้อมาก่อน เพิ่งมาซื้อเป็นปีแรก" นายจำรูญ กล่าว

อนึ่ง KSL แจ้งว่าไตรมาส 3/53 มีผลขาดทุน 53.47 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 153.76 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ 249.70 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 850.61 ล้านบาท

ขณะที่ในไตรมาส 2/53(ก.พ.-เม.ย.)บริษัทได้เข้าทำการปิดสัญญาขายล่วงหน้าทั้งหมด ทำให้เกิดผลขาดทุนที่รับรู้เข้ามาในงบการเงินทั้งสิ้น 645.50 ล้านบาท จากธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงทั้งหมด และในไตรมาส 3/53(พ.ค.-ก.ค.)บริษัทได้ยกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำตาลบางส่วนที่ทำไว้กับลูกค้าต่างประเทศ ต้องจ่ายค่าปรับ ซึ่งเป็นส่วนต่างของราคาตามสัญญากับราคาตลาดเป็นเงิน 111.36 ล้านบาท

นายจำรูญ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจเอทานอลขณะนี้หยุดผลิตไปเมื่อต้น ก.ย.เพราะกากน้ำตาล ซึ่งเป็นวัตถุดิบไม่เพียงพอ แต่บริษัทมีสต็อกเอทานอลไว้กว่า 5 ล้านลิตร เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าที่มีสัญญาอยู่เดือนละ 2 ล้านลิตร ในราคา 23 บาท/ลิตร ขณะที่ต้นทุนอยู่ที่ 18-19 บาท ถือว่ายังพอมีกำไร แต่ขณะนี้ราคาวัตถุดิบราคาสูงขึ้นแล้ว

*งวดปี 54 โตฉลุย-เตรียมเงินลงทุน 3 พันลบ.ในโรงงานสระแก้ว

นายจำรูญ คาดว่า ในงวดปี 54 (พ.ย.53-ต.ค.54) รายได้จะเติบโต 10% และกำไรสุทธิเติบโต 8-10% จากงวดปี 53 มาจากปริมาณน้ำตาลเพิ่มเป็น 4.7 ล้านตัน จาก 4.3 ล้านตันในงวดปี 53 และราคาน้ำตาลมีแนวโน้มที่ดี จากขณะนี้อยู่ที่ 20 เซ็นต์/ปอนด์ ซึ่งเป็นราคาที่บริษัทเคยขายได้เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากซัพพลายในต่างประเทศลดลงทั้งไทย และจีน รวมถึง บราซิลที่ ประสบปัญหาแล้ง ในปากีสถานประสบน้ำท่วม ขณะที่รัสเซียเกิดไฟไหม้ป่าทำให้เกิดภาวะแล้งด้วย

"รายได้โต กำไรก็ต้องโตด้วยประมาณ 8-10%"นายจำรูญ กล่าว

สำหรับปีนี้จะมีปริมาณน้ำตาลเพิ่มจากโรงงานน้ำตาลที่บ่อพลอย เฟสที่ 1 กำลังการผลิต 1.2 หมื่นตัน/วัน และเฟส 2 กำลังจะดำเนินการ กำลังการผลิต 1.5 หมื่นตัน/วัน ขณะเดียวกันปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้นประมาณ 50% โดยพื้นที่ปลูกอ้อยในประเทศลาว(1 แสนตันอ้อย)และกัมพูชา(3 แสนตันอ้อย)ก็เพิ่มขึ้น รวมกัน 4 แสนตันอ้อย รวมกับผลผลิตในประเทศที่มี 4.5-5 ล้านตันอัอย

ส่วนแผนสร้างโรงงานผลิตน้ำตาลใหม่ 2 แห่ง แห่งแรกที่ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 3 หมื่นตัน/วัน ใช้เงินลงทุน 3 พันล้านบาท และคาดว่าจะเปิดทำการผลิตได้ในปี 56 และอีกแห่งที่ จ.เลย กำลังการผลิต 3 หมื่นตัน/วันเช่นกัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนใกล้เคียงกัน

"ตอนนี้รอให้โรงบ่อพลอยให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทำที่สระแก้ว เขาบอกให้กินทีละคำ เดินทีละก้าว เสร็จแล้วส่วนที่จ.เลยอีก 5 ปีถึงจะทำ ให้ทำสระแก้วเสร็จก่อน" นายจำรูญ กล่าว

ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนในงวดปี 54 ที่จะสร้างโรงงานในจ.สระแก้ว จะมาจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(KSL-W1) ที่จะมีการเริ่มใช้สิทธิในปีหน้าและเงินเพิ่มทุน บริษัทรอโอกาสขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจงในปีหน้า ซึ่งจำนวนหุ้นทั้งหมดจะทำให้หุ้นบริษัทไดลูทลงไป 20%

อนึ่ง KSL ได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(KSL-W1) จำนวน 170 ล้าน หน่วย อายุ 3 ปี โดยใช้สิทธิในอัตราใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยมีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท และออกหุ้นเพิ่มทุน 320 ล้านหุ้นจัดสรรให้นักลงทุนทั่วไป 150 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือ 170 ล้านหุ้นรองรับวอแรนท์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ