หุ้นในกลุ่มแบงก์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยดัชนีกลุ่มแบงก์ ปิดเทรดช่วงเช้าอยู่ที่ 357.83 จุด ลดลง 8.40 จุด(-2.29%)หุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวลงมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
หุ้น TISCO ปิดเช้าที่ 34.75 บาท ลดลง 1.75 บาท(-4.79%)มูลค่าซื้อขาย 76.39 ล้านบาท
หุ้น TCAP ปิดเช้าที่ 37.50 บาท ลดลง 1.50 บาท(-3.85%)มูลค่าซื้อขาย 931.35 ล้านบาท
หุ้น SCB ปิดเช้าที่ 91.25 บาท ลดลง 3.25 บาท(-3.44%)มูลค่าซื้อขาย 1,142.34 ล้านบาท
หุ้น KBANK ปิดเช้าที่ 104.50 บาท ลดลง 3.00 บาท(-2.79%)มูลค่าซื้อขาย 1,259.67 ล้านบาท
หุ้น BBL ปิดเช้าที่ 142.00 บาท ลดลง 3.50 บาท(-2.41%)มูลค่าซื้อขาย 1,097.85 ล้านบาท
นางศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์เช้านี้ปรับตัวลดลง ด้วยแรงขายที่ออกมามาก คาดว่าจะเป็นผลจากความกังวลเรื่องมาตรการที่จะมาสกัดเงินทุนไหลเข้า โดยมองในเรื่องของ Capital Control และยังมีเรื่องของ 3G อีกด้วย เพราะจะมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเรื่อง 3G บ่ายนี้ก็น่าจะรู้ผลชัด แต่เรื่อง Capital Control ยังไม่รู้เมื่อไรจะมีความชัดเจน
อย่างไรก็ดี มองว่าราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นโอกาสในการ take profit ของนักลงทุน เนื่องจากหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว แต่ทิศทางระยะยาวของกลุ่มแบงก์ยังดีอยู่ โดยเฉพาะสินเชื่องวดเดือนสิงหาคมก็ออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นของ KK หรือ TISCO