ตลาดหลักทรัพย์ ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 909.76 จุด ลดลง 11.63 จุด(-1.26%)มูลค่าการซื้อขาย 23,097.66 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ และระหว่างเทรดดัชนีลงไปถึง 2% ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมา แต่ยังคงอยู่ในแดนลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 918.00 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 902.46 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลเรื่องการออกมาตรการควบคุมค่าเงินบาทของธปท. ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติล็อคผลกำไรหลังจากเงินบาทเริ่มอ่อนค่า โดยเช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงไปที่ 30.83 บาท/ดอลลาร์หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในเช้านี้ และทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็มาแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราในวันนี้ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง จึงส่งผลกระทบให้เงินบาทอ่อนค่าลงด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามการนัดไต่สวนของศาลปกครองกลางในกรณีที่ บมจ.กสท.โทรคมนาคม ฟ้องคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)เรื่องการเปิดประมูลใบอนุญาต 3G เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดฯในวันนี้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ หลังจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงผันผวนมากขึ้น โดยต้องรอติดตามการตัดสินของศาลปกครองกลางในกรณี 3G ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ภาพรวมตลาดฯคงไม่สามารถกลับมายืนในแดนบวกได้ พร้อมให้แนวรับ 900 จุด แนวต้าน 912 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,882.98 ล้านบาท ปิดที่ 278.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,259.67 ล้านบาท ปิดที่ 104.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,142.34 ล้านบาท ปิดที่ 91.25 บาท ลดลง 3.25 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,120.38 ล้านบาท ปิดที่ 632.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,097.85 ล้านบาท ปิดที่ 142.00 บาท ลดลง 3.50 บาท