CSP คาดยอดขาย Q3/53 ต่ำกว่า Q2/53,ลุ้นดีดกลับ Q4/53 หลังออร์เดอร์ทะลัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 1, 2010 11:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์(CSP)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/53 มีแนวโน้มปรับลดลงจากไตรมาส 2/53 เนื่องจากฤดูฝนเป็นช่วงโลว์ของธุรกิจ แต่คงปรับลดลงเล็กน้อยเท่านั้น และในไตรมาส 4/53 จะกลับมาเพิ่มสูง โดยเฉพาะในเดือน ต.ค.-พ.ย.จะเป็นช่วง peak ที่สุด ซึ่งจะทำให้รายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย

"มีออเดอร์ล่วงหน้าเข้ามาแล้วค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/53 ประมาณ 15% จากลูกค้าที่จะสั่งรองรับเทศกาลปีใหม่ที่ใช้สินค้าเราเป็นวัตถุดิบ ซึ่งก็จะทดแทนได้ ดังนั้น บริษัทจึงยังเชื่อว่ารายได้ในปีนี้ยังเป็นไปตามแผนการเติบโต 15-20% จากปีก่อน"นายวีรศักดิ์ กล่าว

ในแง่กำไรสุทธิในปี 53 เชื่อว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ จากปีก่อนที่ไม่ได้จ่ายเพราะมีกำไรน้อยเพียง 8 ล้านบาทเนื่องจากเจอปัญหาเรื่องต้นทุนสูง โดยเฉพาะต้นทุนเหล็กที่บริษัทสต็อกไว้จำนวนมาก แต่ปีนี้ไตรมาส 1/53 กำไรไปแล้ว 30 ล้านบาท และไตรมาส 4/53 ก็จะสูงขึ้นตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาเหล็กก็ไม่ได้ผันผวนเหมือนในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

*สรุปแผนซื้อเครื่องจักรใหม่ในต.ค.นี้ คาดใช้เงินลงทุน 10-20 ลบ.

ส่วนแผนขยายกำลังการผลิตนั้น คาดว่าภายในเดือน ต.ค.น่าจะเห็นการสั่งซื้อเครื่องจักรประเภทตัดเหล็ก ที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะสั่งซื้อ 1 หรือ 2 ตัว เบื้องต้นคาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 10-20 ล้านบาทขึ้นกับสเป็กของเครื่อง เนื่องจากมองว่าเป็นการรองรับการขยายกำลังการผลิตที่ปัจจุบันผลิตไม่เพียงพอกับออเดอร์ อีกทั้งรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัว และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 54 ที่มีค่ายรถยนต์หลายรายหันมาเริ่มโครงการอีโคคาร์ ส่งผลต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์

นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า การมีเครื่องจักรดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีศักยภาพการผลิตสูงขึ้น โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามาอีกกว่า 3 หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบัน 2.2 แสนตัน/ปี รวมทั้งสามารถผลิตเหล็กในประเภทที่ไม่เคยทำก่อนด้วย โดยปัจจุบัน บริษัทผลิตเหล็กแผ่นแปรรูป 90% และที่เหลือ 10% มาจากท่อเหล็ก ประเมินว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% แต่คงจะเห็นผลในปีหน้ามากกว่า เพราะการเตรียมการยังต้องใช้ระยะเวลา

"การที่เราตัดสินใจซื้อเครื่องจักรประเภทตัดเหล็กเพิ่ม เพราะเห็นว่าตอนนี้ไม่พอกับออเดอร์ที่เข้ามา ทั้งๆ ที่เราทำ overtime แล้ว เพียงแต่ว่าเลือกสเป็กเท่านั้นเพื่อให้เหมาะสม เพราะถ้ามากเกินไปก็ไม่คุ้มและก็ต้องดูด้วยว่าออเดอร์มันมากเพียงพอกับการที่เราจะลงทุนมากน้อยแค่ไหน คุ้มไหมด้วย ส่วนเม็ดเงินลงทุนไม่มีปัญหาคงมาจากกระเสเงินสดที่ยังมีอยู่เยอะ"นายวีรศักดิ์กล่าว

นายวีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนในการเพิ่มสัดส่วนการผลิตท่อเหล็กเป็น 15% จากปีนี้ผลิตอยู่ 10% ด้วย ซึ่งนอกเหนือจากการเพิ่มการผลิตเหล็กแผ่นแปรรูป โดยปัจจุบันเริ่มมีการเจาะตลาดใหม่ ๆ แต่ยังอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังมองว่าเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ