PRANDA เป้าปี 54 รายได้โต 8% เพิ่มเฮ้าส์แบรนด์ดันมาร์จิ้น-ขยายตลาดตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 9, 2011 16:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดุษิต จงสุทธนามณี เลขานุการบริษัท บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่(PRANDA)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 54 เติบโต 8% จากปีก่อน ภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 30 บาท/ดอลลาร์ และมีอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงปี 53 ที่ระดับ 34-35% โดยบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 40-45% ภายใน 2-3 ปี หรือ ภายในปี 56 ด้วยการเพิ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเองมากขึ้นจาก 30% เป็น 50% ของยอดขายรวม

ส่วนปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อน ขณะที่ผลกำไรทั้งปีขึ้นอยู่กับผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

นายดุษิต กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทวางแผนรุกขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งอินเดีย รัสเซีย และเยอรมัน เนื่องจากมีช่องทางในการเติบโตได้อีกมาก

โดยเฉพาะประเทศอินเดียที่เป็นตลาดหลัก ตั้งเป้ายอดขาย 200 ล้านบาท เติบโต 100% จากปี 53 ที่มียอดขาย 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมีแผนเพิ่มลูกค้า independent retailer จาก 2,000 ราย เป็น 3,000 ราย และจะค่อยๆเติบโต โดยเพิ่มเป็น 15,000 ราย ภายใน 3-4 ปี นอกจากนี้จะมีการเปิด modern trade อีก 2-3 แห่ง จากปัจจุบันเป็นการขายสินค้าแบรนด์พรีม่า อาร์ต และอนาคตจะเพิ่มสินค้าพรีม่า โกลด์ด้วย

ตลาดประเทศรัสเซีย บริษัทได้เริ่มเปิดตลาดไปบ้างแล้ว โดยปีที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 90-100 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าน่าจะมียอดขายเติบโต 20% เนื่องจากยังเป็นตลาดที่เติบโตได้ดี เช่นเดียวกับตลาดเยอรมัน ขณะที่ตลาดในประเทศจีน มียอดขายเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากบริษัทต้องมีการลงทุนเปิดร้านค้า และสต็อกสินค้าเอง ทำให้ต้องมีการลงทุนมากกว่าตลาดประเทศอื่นที่จะดำเนินในลักษณะการขายแฟรนไชส์

"เรายังไม่มีแผนที่จะเพิ่มแบรนด์สินค้าอีก เพราะแบรนด์ปัจจุบันน่าจะเพียงพอ ครอบคลุมทุกตลาดแล้ว แต่เราจะเน้นให้ลูกค้าแบรนด์ของเราเพิ่มมากขึ้น"นายดุษิต กล่าว

สำหรับงบลงทุนปี 54 ตั้งไว้ประมาณ 300 ล้านบาท โดย 200 ล้านบาทจะเป็นการกู้เงินสกุลต่างประเทศจากสถาบันการเงินในประเทศ 3 สกุลเงินรวมกัน คือ ยูโร ดอลลาร์ และปอนด์ เพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทำให้บริษัทคาดว่าในปีนี้คงมีปัญหาการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากปี 53 ส่วนเงินลงทุนอีก 100 ล้านบาทมาจากกำไรสะสม

"ปัจจุบันเราไม่มีเงินกู้เป็นสกุลเงินต่างประเทศ แม้เราจะทำ forword แล้วก็ยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ปีนี้เรากู้เป็นสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยง น่าจะทำให้ขาดทุนลดลง" นายดุษิต กล่าว

นางดุษิต กล่าวว่า เงินลงทุนดังกล่าวจะใช้ในการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ 5 ชั้นเพื่อเป็นอาคารสำนักงานและศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ วงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งเลื่อนจากแผนการก่อสร้างเดิม ขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุญาตการก่อสร้างจาก กทม. และวงเงินที่เหลือราว 100 ล้านบาท จะนำไปใช้เปิดร้านค้าแห่งใหม่ในประเทศจีน 5 แห่ง วงเงิน 25 ล้านบาทจะใช้เป็นวงเงินสำรองเพื่อรองรับการผลิตสินค้าให้ลูกค้าในตลาดอินเดีย 25 ล้านบาท และอีก 50 ล้านบาทเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักรใหม่ทดแทนของเดิม

ทั้งนี้ หลังอาคารแห่งใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ บริษัทจะย้ายสำนักงานเดิมไปยังอาคารใหม่ และจะมีการปรับปรุงพื้นที่ของอาคารเดิมเป็นโรงงานภายในปี 55 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 20% จากปัจจุบันโรงงานทั้งหมดมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 8 ล้านชิ้น/ปี และที่ผ่านมาบริษัทได้มีการซื้อโรงงานใหม่ในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี จ.นครราชสีมา ซึ่งจะเริ่มการผลิตในเดือน ก.พ.54 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10% หรือประมาณ 1 ล้านชิ้น/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ