DEMCO คาดได้ผลตอบแทนเข้าถือหุ้นโครงการพลังงานลมห้วยบง 2-3 ที่ 13-15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 13, 2011 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. เด็มโก้ (DEMCO) เปิดเผยว่า จากการที่ประชุมคณะกรรมการมติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนเพิ่มในบริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด (AEOLUS POWER) ซึ่ง DEMCO จะเข้าถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วน 27% มูลค่าเงินลงทุน 1.3 พันล้านบาท ส่วนบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด จะถือหุ้น 73% รวมเป็นเงินลงทุนในบริษัท อีโอลาส จำกัด 2,250 ล้านบาท

บริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง DEMCO และวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จะถือหุ้นในโครงการพลังงานลมห้วยบง 2 และ 3 ในสัดส่วน 60% ขณะที่บริษัทพลังงานขนาดใหญ่สัญชาติไทยและญี่ปุ่น ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยชื่อ เข้าถือหุ้นแห่งละ 20% ซึ่งจากสัดส่วนดังกล่าว จะทำให้ DEMCO เป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมในโครงการพลังงานลมห้วยบง 2 และ 3 ในสัดส่วน 16.12%

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวนั้น นอกจากบริษัทฯ จะได้รับงานในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการแล้ว บริษัทฯ ยังต้องการหาธุรกิจพลังงานทดแทนอื่นมาแทนที่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ปากมูลที่บริษัทฯ ยื่นขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และได้รับการพิจารณาให้อยู่ในกลุ่มที่ได้รับอัตราค่าซื้อไฟ (Adder) หน่วยละ 6.50 บาท ซึ่งผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ

และจากการทำงานร่วมกับทางวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเห็นว่าโครงการพลังงานลมสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและมีโอกาสเติบโตในอนาคต คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ในโครงการดังกล่าวที่ DEMCO จะได้รับจะอยู่ที่ 13-15% รวมถึงการรับเงินปันผลระยะยาวจากโครงการอีกปีละประมาณ 200 ล้านบาท

หลังจากการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติในเรื่องนี้ในวันที่ 27 มิถุนายน 2554 คาดว่าโครงการจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 54 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 14 เดือน โดย DEMCO จะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการนี้ในปีนี้คิดเป็น 1,700 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 600 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 55

ด้านนายไพฑูรย์ กำชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี DEMCO กล่าวว่า การเตรียมแผนเพื่อระดมทุนสำหรับเข้าลงทุนในโครงการ ซึ่ง DEMCO จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.3 พันล้านบาทนั้น บริษัทฯ จะใช้เงินจากโครงการหุ้นซื้อคืนหรือ Treasury Stock ประมาณ 160 ล้านบาท รวมถึงการใช้สิทธิ์แปลงสภาพวอแรนท์รุ่นที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 อีก 270 ล้านบาท การใช้สิทธิ์แปลงสภาพวอแรนท์รุ่นที่ 4 ในเดือนกุมภาพันธ์ 56 อีก 360 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 200-300 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 300-400 ล้านบาทจะเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 25-30%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ