N-PARK เจรจายอมความ"สินทรัพย์สาทร"เพื่อยุติคดีแพ่ง-ถอนอุทธรณ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 11, 2011 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท บริหารสินทรัพย์ สาทร จำกัด อดีตเจ้าหนี้รายหนึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการได้ยื่นฟ้องบริษัท เป็นจำเลยที่ 1 , บริษัท เอ็กซ์เพิท แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็น จำเลยที่ 3, บริษัท แมนเนอร์ แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด เป็นจำเลยที่ 4 ในคดีแพ่งคดีหมายเลขดำที่ 2082/2550(คดีหมายเลขแดงที่ 811/2552) นั้น

ผู้บริหารของบริษัทได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวและเห็นว่า แม้ว่าหนี้สินดังกล่าวได้เกิดขึ้นก่อนที่บริษัทจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทมีความจำเป็นต้องเร่งประนอมหนี้โดยเร็ว เพื่อลดภาระการตั้งสำรองหนี้สิน ซึ่งจะส่งผลทำให้ฐานะการเงินของบริษัทดีขึ้น

ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2554 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2554 จึงมีมติให้บริษัททำสัญญาประนีประนอมยอมความกับสินทรัพย์สาทร เพื่อยุติคดีดังกล่าว โดยบริษัทจะชำระเงินจำนวน 10 ล้านบาท ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และบริษัทยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์คดีโดยสินทรัพย์สาทรตกลงยื่นคำแถลงไม่คัดค้านการขอถอนอุทธรณ์ของบริษัท และสินทรัพย์สาทรยื่นคำแถลงต่อศาลอุทธรณ์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาอีกต่อไป

อนึ่ง ในคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2552 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 170,180,901.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงิน 100,000,000 บาท นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2543 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 79,802,369.88 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงิน 50,000,000 บาท นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2543 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์

โดยให้หักเงินที่จำเลยที่ 1 นำเข้าชำระหนี้ให้โจทก์ในวันที่ 21 กันยายน 2544 จำนวน 22,912,102.95 บาท วันที่ 7 มีนาคม 2546 จำนวน 5,000 บาท วันที่ 10 มิถุนายน 2546 จำนวน 11,936.66 บาท วันที่ 31 กรกฎาคม 2546 จำนวน 618,339.73 บาท วันที่ 25 กันยายน 2546 จำนวน 741,070.90 บาท วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 จำนวน 49,253,929.10 บาท ออกจากยอดเงินที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 และ ที่ 4 ต้องชำระ โดยหักออกเป็นชำระดอกเบี้ยก่อน ที่เหลือให้ชำระต้นเงินทุกครั้งที่มีการนำมาชำระหนี้ให้โจทก์ กับ ให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลใช้แทนเท่าจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ความละเอียดตามหนังสือที่อ้างถึง ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ผลของคำพิพากษาดังกล่าวทำให้บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สินเงินต้นและดอกเบี้ยรวม 230.64 ล้านบาทในงบการเงินระหว่างกาลสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อฐานะทางการเงินของบริษัทและการดำเนินกิจการในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ