นางสาวสมฤทัย ตัณฑกิตติ หัวหน้าแผนกงานนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส [ADVANC] กล่าวว่า แนวโน้มไตรมาส 2/68 และไตรมาสที่เหลือของปี ต้องติดตามภาพรวมเศรษฐกิจจากที่ได้รับผลกระทบมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ADVANC ตั้งเป้าหมายของปีนี้ไว้โดยอ้างอิงจากสมมุติฐานเศรษฐกิจไทยเติบโตได้กว่า 3% แต่ในปัจจุบันหลายสำนักได้ปรับคาดการณ์ GDP ลงไปเหลือเติบโตได้กว่า 1% แล้ว แต่ ADVANC ก็ยังคงเป้าหมายเดิมไว้ โดยหวังว่าจะทำได้ใกล้เคียงเป้า
"เอไอเอสเราจะยังยืนแผน Guidance เดิม และ Management ทุกคน ยังพยายามอยู่ว่า ในไตรมาส 2-3-4 ไม่ว่าเราจะได้รับผลกระทบอย่างไร เราก็ให้ความระมัดระวัง outlook ในไตรมาส 2-3-4 เพื่อดำเนินการของเราให้ได้ใกล้เคียงกับ Guidance เดิมหรือมำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้มากที่สุด"
อนึ่ง ADVANC ได้ให้เป้าหมาย (Guidance) ในปี 68 รายได้จากการให้บริการหลัก และกำไร EBITDA เติบโต 3-5%
ในไตรมาส 2/68 ในเดือน เม.ย.ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ช่วยผลักดันโมเมนตัมการใช้งานโทรศัพท์มือถือจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเปิดใช้ Sim ในไทย และคนไทยที่เดินทางออกนอกประเทศโดยใช้เครือข่ายโรมมิ่ง ส่วนเดือน พ.ค.และ มิ.ย.ยังต้องระมัดระวังเพราะเข้าสู่ low season ซึ่งหลายครอบครัวอาจจัดสรรงบไปใช้ด้านอื่น แต่ยังอาศัยประโยชน์จากโครงการที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งการเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านสายเคเบิ้ลระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ในเดือน มิ.ย.นี้ คาดว่าทางการจะมีการประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) เบื้องต้น ADVANC ได้จับกลุ่มร่วมทุนกับธนาคารกรุงไทย [KTB] บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก [OR] ซึ่งคาดว่าพร้อมจะให้บริการในปีหน้า
นายไกรวี เกียรติไกรวัลศิริ เจ้าหน้าที่แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ ADVANC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/68 รายได้ธุรกิจการให้บริการหลักและ EBITDA ทำได้ดีกว่าคาด โดยรายได้ธุรกิจการให้บริการหลักเติบโตขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจาก 3.94 หมื่นล้านบาท เป็น 4.19 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ EBITDA เติบโตขึ้น 7.4% จากปีก่อน หรือจาก 2.8 หมื่นล้านบาท เป็น 3.01 หมื่นล้านบาท
ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.7% มาอยู่ที่ 56,311 พันล้านบาท ปัจจัยสำคัญมาจากการเติบโตของทุกธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจการให้บริการหลัก คิดเป็น 74% ของสัดส่วนรายได้ทั้งหมด และการขายอุปกรณ์ คิดเป็น 20% ของสัดส่วนรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ รายได้การให้บริการหลักในไตรมาส 1/68 แบ่งออกเป็น
- การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3.16 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 4.3% จากปีก่อน เป็นผลจากการเป็นผู้นำด้านคุณภาพเครือข่ายมือถือ การสร้างรายได้จาก 5G อย่างมีประสิทธิภาพ และการนำเสนอบริการและคอนเท้นท์ที่เสริมมูลค่าเพิ่ม โดยในไตรมาส 1/68 มีผู้ใช้บริการราว 45.7 ล้านคน สัดส่วนรายได้หลักมาจากผู้ใช้งานรายเดือน 55% ในขณะที่ผู้ใช้บริการซิมเติมเงิน 45% มีจำนวนลูกค้าใหม่ลดลงสอดคล้องกับมาตรการยืนยันตัวตนที่เข้มงวดขึ้นตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับใหม่ และกลยุทธ์ของ ADVANC ในการมุ่งเน้นลูกค้าเชิงคุณภาพ
- การให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 7.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 10% จากปีก่อน เป็นผลจากการมุ่งเน้นการขยายผู้ใช้บริการในพื้นที่ใหม่ ควบคู่กับการผลักดันรายได้เฉลี่ยจากลูกค้าต่อคนผ่านสินค้าและการบริการทันสมัย โดยมีผู้ใช้บริการราว 5.07 ล้านคน รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 518 บาท/เดือน เพิ่มขึ้น 4.3% จาก 496 บาท/เดือนในไตรมาส 1/67 ผ่านแพ็คเก็จพรีเมียมและบริการเสริมต่าง ๆ
- การให้บริการธุรกิจลูกค้าองค์กรมีรายได้ 1.8 พันล้านบาทในไตรมาส 1/68 เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อน เป็นผลจากการมุ่งเน้นการบริการเชื่อมต่อและคลาวด์ โดยใช้ความสัมพันธ์กับฐานลูกค้าที่มีอยู่เพื่อนำเสนอโซลูชั่นอื่น ๆ เพิ่มเติม เริ่มต้นจากบริการ 5G Ecosystem ต่อยอดจากความชำนาญของ ADVANC เป็นพื้นฐานแรกสำหรับองค์กรในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างดิจิทัล ระบบ Intelligent Center และคลาวด์ ที่ ADVANC มีดาต้าเซ็นเตอร์ 11 แห่ง รวมถึง GSA Data Center ที่พร้อมให้บริการในไตรมาส 2/68 นี้ ระบบ AI และ Data Analytics สำหรับการประมวลผลข้อมูลขององค์กร โดยจะใช้ระบบ Digital Platforms และ APIs เพื่อให้ทุกระบบสามารถทำงานด้วยกันได้ครบวงจร เพื่อนำไปสู่บริการ Industry Transformation สำหรับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า
- รายได้การขายอุปกรณ์ 11.2 พันล้านในไตรมาส 1/68 โตขึ้น 6.8% จากปีก่อน เป็นผลจากการดำเนินงานในการค้าปลีก ทั้งการยกระดับประสบการณ์หน้าร้าน และจัดแคมเปญโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐ