นางสาวตวงรัตน์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ [WP] เปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมาตรการตรึงราคาแก๊ส LPG ที่จะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย. ถ้าราคาต้นทุนเพิ่มขึ้นก็จะปรับราคาขายตาม และยังมีสินค้าเดิมในคลัง ก็จะได้ส่วนต่างของราคา (Stock Gain) ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อราคาแก๊สหลังจากนี้ คืออุปทานในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 98,000 ตัน ในเดือนม.ค.-ก.พ. 68 จาก 882,000 ตันเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ในขณะที่อุปสงค์เพิ่มขึ้นเพียง 9,000 ตันจาก 615,000 ตัน
นายวิศัลย์ กิติพิพัฒน์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/68 มีปริมาณการส่งออกที่ 197,623 ตัน นับเป็น 24% ของเป้าหมายทั้งปี โดยตัวเลขนี้ลดลงจากไตรมาสเดียวเมื่อปีก่อนไป เดิมทีอยู่ที่ 212,835 ตัน เนื่องจากอุปสงค์นอกประเทศน้อยลงได้อย่างชัดเจน ทำให้ยอดส่งออกไม่เป็นไปตามเป้า รายได้รวมอยู่ที่ 4,522 ล้านบาท น้อยลง 6.73% จาก 4,848 ล้านบาทในไตรมาส 1/67
ทั้งนี้ บริษัท ฯ สามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 1/68 จำนวน 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนที่ 33 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญเป็นการจัดการต้นทุนการดำเนินงานขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่าน Big Data
นางสาวตวงรัตน์ กล่าวว่า WP มีการให้ความสนใจเกี่ยวกับธุรกิจหลังคาพลังงานโซลาร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถทำรายได้ไปอยู่ที่ 27 ล้านบาทในไตรมาส 1/68 มีรายได้รวม 69.22 นับตั้งแต่เริ่มทำเมื่อปี 2565 ทั้งหมด 27 โปรเจ็คที่เริ่มต้นดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทางบริษัท ฯ มองว่าถึงแม้จะนับว่ารายได้ส่วนเล็กของรายได้ทั้งหมด แต่มั่นใจว่าเป็นตัวทำกำไรได้ดี
โดย WP จะแบ่งงบ 80 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งปี 300 ล้านบาท ไปที่พลังงานสีเขียวตรงนี้ ซึ่งยังประกอบไปด้วย 150 ล้านบาทในการกระจายสินค้า และ 70 ล้านบาทในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน