GPSC อวดกำไร Q2/68 ทะยาน 77% QoQ หลังโกยเงินปันผลรับ-ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มเกือบ 400%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 6, 2025 17:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ [GPSC] เปิดเผย ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 2/68 กำไรสุทธิของบริษัทฯ จำนวน 2,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 879 ล้านบาท หรือ 77% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/68 สาเหตุหลักเนื่องจาก เงินปันผลรับและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า จำนวน 588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 467 ล้านบาทหรือ 388% สาเหตุหลักมาจาก โครงการร่วมทุนในพลังงานลมนอกชายฝั่ง (CFXD) รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐของโครงการ CFXD เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ขณะที่ผลการดำเนินงานตามปกติปรับตัวลดลงตามฤดูกาล

โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี (XPCL) ผลประกอบการดีขึ้นจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นจากประเทศจีนและปรากฏการณ์ลานีญา ด้านบริษัท Avaada Energy Private Limited (AEPL) รับรู้รายได้ทางภาษีซึ่ง รับรู้เป็นขาดทุนในปี 64 จากการไถ่ถอนตราสารหนี้ก่อนกำหนด ในปี 64 ขณะที่ผลการดำเนินงานตามปกติลดลงตามฤดูกาลที่มีความเข้ม แสงต่ำในช่วงไตรมาสที่ 2/68

กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ จำนวน 301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 358 ล้านบาท (ไตรมาส 1/68 ขาดทุนจาก อัตราแลกเปลี่ยน 57 ล้านบาท) สาเหตุหลักเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ส่งผลให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจาก การบันทึกปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐที่บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ชินเนอร์ยี่ จำกัด ("GRSCTW") กู้ผ่านบริษัท จีพีเอสซี ศูนย์บริหารเงิน จำกัด ("GPSCTC") เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการ CFXD

ต้นทุนทางการเงิน จำนวน 1,292 ล้านบาท ลดลง 88 ล้านบาทหรือ 6% จากการชำระคืนเงินกู้บางส่วน และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการด้านโครงสร้างเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การลดลงของต้นทุนทางการเงินยังสะท้อนถึงสถานะกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งมากขึ้นของบริษัทฯ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้ให้กู้ โดย สะท้อนผ่านมุมมองความน่าเชื่อถือที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด("Fitch Rating") ซึ่งสะท้อน ความก้าวหน้าในการลดระดับหนี้ และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้อย่างมั่นคง

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ลดลง 78 ล้านบาท หรือ 117% สาเหตุหลักเนื่องจากบริษัทฯมีการบันทึกสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงการบันทึกบัญชีสัญญาเช่าทางการเงิน ตามมาตรฐาน TFRS16 และมีการบันทึกปรับปรุงหนี้สินภาษีเงินได้รอตัดบัญชีของบริษัทในเครือปี 67 ที่ได้ชำระภาษีไปเนื่องจากการตัดค่าเสื่อมราคา ทางภาษีสูงกว่าค่าเสื่อมราคาทางบัญชี ทั้งนี้กำไรขั้นต้น จำนวน 5,123 ล้านบาท ลดลง 126 ล้านบาทหรือ 2% สาเหตุหลักมาจากค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าศรีราชาปรับตัวลดลงเนื่องจากจ่ายไฟฟ้าครบตามชั่วโมงที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ในเดือนพฤษภาคม 68

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ งวด 6 เดือน ปี 68 กำไรสุทธิของบริษัทฯ จำนวน 3,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 866 ล้านบาท หรือ 38% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 67 สาเหตุหลักเนื่องจาก เงินปันผลรับและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า จำนวน 709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 732 ล้านบาท (งวด 6เดือน ปี 68 ขาดทุน 23 ล้านบาท) สาเหตุหลักมาจาก AEPL ผลประกอบการดีขึ้น ตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น และมีการรับรู้รายได้ทางภาษีซึ่งรับรู้เป็นขาดทุนในปี 64 จากการไถ่ถอนตราสารหนี้ก่อน กำหนดในปี 64

ในไตรมาสที่ 2/68 CFXD รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐของ โครงการ CFXD เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่าประกอบกับมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/68 ขณะที่ต้นทุนทางการเงินและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องรับรู้เต็มจำนวนหลังจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โรงไฟฟ้า XPCL ผลประกอบการดีขึ้นจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น

บริษัท ไทย โซล่าร์ รีนิวเอเบิล จำกัด (TSR) ผลประกอบการ ลดลงเนื่องจาก Adder หมดอายุทั้งหมดในเดือนมิถุนายน 67 และบริษัทฯ หยุดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ TSR ตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2568 เนื่องจากบริษัท ฯได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement: SPA) ของ TSR กับบริษัทคู่ค้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามมาตรฐานบัญชีบริษัทฯ จะต้องหยุดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา SPA

ต้นทุนทางการเงิน จำนวน 2,673 ล้านบาท ลดลง 332 ล้านบาทหรือ 11% จากการชำระคืนเงินกู้บางส่วน และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ จำนวน 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 234 ล้านบาท (งวด 6 เดือน ปี 67 กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 10 ล้านบาท) สาเหตุหลักเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ส่งผลให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการบันทึกปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐที่บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ชินเนอร์ยี่ จำกัด ("GRSCTW") กู้ผ่าน บริษัท จีพีเอสซี ศูนย์บริหารเงิน จ กัด ("GPSCTC") เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการ CFXD

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย จำนวน 4,671ล้านบาท ลดลง 204 ล้านบาทหรือ 4% สาเหตุหลักมาจากค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อ GLOW ลดลงตามอายุสัญญา

ทั้งนี้ กำไรขั้นต้น จำนวน 10,371 ล้านบาท ลดลง 543 ล้านบาทหรือ 5% สาเหตุหลักเนื่องจาก กำไรผันแปร (Contribution Margin) ลดลงจากมูลค่าเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของ บริษัท ไทยโซล่าร์รีนิวเอบิล จำกัด (TSR) เพื่อให้สอดคล้องกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีจำนวน 23 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/68 และรายได้ดอกเบี้ยรับเงินฝากสกุลดอลล่าร์สหรัฐและสกุลเงินเยนลดลง ค่าใช้จ่ายในการ ขายและบริหาร จำนวน 1,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาทหรือ 4% จากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าที่ปรึกษาพัฒนาธุรกิจ โรงไฟฟาผู้ผลิตอิสระ (IPP) เนื่องจาก โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน มีค่าเชื้อเพลิงส่วนต่าง (Energy margin) ลดลง ซึ่งเป็นผลจากรายได้ค่าถ่านหินที่ สามารถเรียกเก็บจาก กฟผ. ต่ำกว่าต้นทุนราคาถ่านหินเฉลี่ยทางบัญชี (ราคาถ่านหินมีแนวโน้มปรับลดลง)

รวมทั้งมีการดำเนินการผลิตตามการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ.มากกว่างวด 6 เดือน ปี 2567 โรงไฟฟ้าศรีราชา สาเหตุหลักมาจากค่าความพร้อมจ่ายปรับตัวลดลงเนื่องจากการจ่ายไฟฟ้า ครบตามชั่วโมงที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ในเดือนพฤษภาคม 2568 โรงไฟฟ้าโกลว์ไอพีพี สาเหตุหลักมาจากค่าความพร้อมจ่าย ปรับตัวลดลงเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) สาเหตุหลัก 1) ปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ลดลงเนื่องจากสัญญาซื้อ ขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโกลว์เอสพีพีสาม ("GSPP3") กับกฟผ. หมดอายุในเดือนสิงหาคม 2567 และเดือนมีนาคม 2568 2) ปริมาณการขายไอน้ำลดลง เนื่องจากมีลูกค้าอุตสาหกรรมบางรายหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงาน 3) ค่าเชื้อเพลิงและค่า FT ปรับตัวลดลง

ขณะที่ ค่าใช้จายคงที่ปรับตัวลดลง สาเหตุหลักมาจากค่าเบี้ยประกันภัยโรงไฟฟ้าลดลง จากการบริหารจัดการความเสี่ยงและดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยของโรงไฟฟ้า อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ส่งผลให้ไม่มีเหตุการณ์ที่กระทบต่อการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันภัย ของโรงไฟฟ้าลดลงในปี 2568 รายได้และค่าใช้จ่ายอื่น จำนวน 535 ล้านบาท ลดลง 92 ล้านบาทหรือ 15% สาเหตุหลักมาจากการปรับลดมูลค่าเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของ บริษัท ไทยโซล่าร์รีนิวเอบิล จำกัด (TSR) เพื่อให้สอดคล้องกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน การบัญชีจำนวน 23 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/68 และรายได้ดอกเบี้ยรับเงินฝากสกุลดอลล่าร์สหรัฐและสกุลเงินเยนลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 1,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาทหรือ 4% จากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าที่ปรึกษาพัฒนาธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ