บมจ.ปตท. [PTT] ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญเพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสอดคล้องกับแผนการสร้างมูลค่าจากทรัพย์สิน (Asset Monetization) ของกลุ่ม ปตท. โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้น 100% เข้าทำธุรกรรมการได้มาซึ่งทรัพย์สินด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์จาก บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล [PTTGC] และ บมจ.ไทยออยล์ [TOP]
ธุรกรรมดังกล่าวจะทำให้ PTT Tank เป็น Infrastructure Flagship ของกลุ่ม โดยมีรายละเอียดโครงการสำคัญดังนี้:
1. การเข้าซื้อทรัพย์สินจาก PTTGC โดย PTT Tank จะจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ที่ถือหุ้น 100% เพื่อเข้าซื้อทรัพย์สินประเภทท่าเทียบเรือ ถังเก็บผลิตภัณฑ์ ระบบขนถ่ายสินค้า สิทธิการให้บริการ และใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจาก PTTGC ภายในวงเงินไม่เกิน 4,840 ล้านบาท (ไม่รวม VAT) ธุรกรรมนี้ประกอบด้วย การซื้อทรัพย์สินและให้เช่ากลับ และการซื้อทรัพย์สินและรับบริการ
บริษัทย่อยใหม่ของ PTT Tank จะร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมใหม่กับ TOP ในสัดส่วนการถือหุ้น 49% และ 51% ตามลำดับ บริษัทร่วมใหม่นี้จะดำเนินการเช่าทรัพย์สินประเภทถังเก็บน้ำมันดิบ, ทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM), สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ และที่ดินจาก TOP เป็นสัญญาเช่าระยะยาว 21 ปี ภายในวงเงินไม่เกิน 37,402 ล้านบาท
2. PTT Tank จะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (TTT) จาก PTTGC ในสัดส่วนประมาณ 35.43% ภายในวงเงินไม่เกิน 4,403 ล้านบาท โดย TTT ดำเนินธุรกิจให้บริการคลังจัดเก็บและท่าเทียบเรือสำหรับผลิตภัณฑ์ของเหลวในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ภายใต้สัญญาร่วมทุนกับ กนอ. และ PTT Tank ยังมีข้อตกลงชำระค่าตอบแทนเพิ่มเติม (Earn-Out) ให้ PTTGC ไม่เกิน 604 ล้านบาท หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
วัตถุประสงค์และประโยชน์ธุรกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อ รวมทรัพย์สินด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ มาไว้ที่ PTT Tank เพื่อบริหารจัดการให้เกิด Synergy ร่วมและประโยชน์สูงสุดของกลุ่ม ปตท. ขณะเดียวกัน การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้ PTTGC และ TOP ได้รับเงินสดและสภาพคล่องเพิ่มเติม จากการขาย/ให้เช่าทรัพย์สินระยะยาว เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้แก่ ธุรกิจหลัก (Core Business) และสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมให้ผู้ถือหุ้น โครงการทั้งหมดมีกำหนดทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 จนถึงช่วงไตรมาส 1/2569