LL เข้าลงทุน"แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส"มูลค่า 145 ลบ. แตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจรถให้เช่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 2, 2013 09:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. ลิฟวิ่งแลนด์ แคปปิตอล (LL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด จำนวน 608,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.00 ของจำนวนหุ้นที่
ชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 238.48 บาท รวมมูลค่าไม่เกิน 145.00 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของเพลทตินั่ม จำนวน 5 ราย ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ และ/หรือความเกี่ยวโยงกันกับกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท

โดยชำระด้วยเงินสด ให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นของแพลทตินั่ม ซึ่งราคาซื้อขายดังกล่าว บริษัทได้มีการเจรจาลดลงจากราคา 155 ล้าน บาท หรือคิดเป็นราคาหุ้นละ 254.93 บาท ซึ่งเสนอมาโดยผู้ขาย (กลุ่มผู้ถือหุ้นของแพลทตินั่ม) โดยชำระภายหลังสิ้นสุดการ ตรวจสอบงบการเงิน (Accounting Due Diligence) ซึ่งจะดำเนินการไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2556

ทั่งนี้จากการพิจารณาซื้อหุ้นของแพลทตินั่มในราคารวมไม่เกิน 145 ล้านบาท บริษัทเห็นว่า หากอ้างอิงตามประมาณการของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ จะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 18% และมีระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ประมาณ 6 ปี อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเข้าลงทุนแล้ว แพลทตินั่มจะเป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูง และจะมีโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน และส่งผลตอบแทนให้บริษัทฯ มีอนาคตมากยิ่งขึ้น

แพลทตินั่ม ก่อตัง้ ปี 2550 โดยนายอนุพงษ์ คุตติกุล ดำเนินธุรกิจให้บริการรถเช่าแบบครบวงจรทั้ง แบบระยะสั้น และระยะยาว และให้บริการในการวางแผนในการจัดสรรยานพาหนะให้เหมาะสมกับองค์กรทั้ง ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รวมทั้ง บริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีจุดแข็งคือ การให้บริการที่รวดเร็วภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ประมาณร้อยละ 95 ของลูกค้าบริษัทเป็นรถเช่าระยะยาวประมาณ 3-5 ปี

ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 บริษัทมีจำนวนรถให้เช่ารวม 139 คัน แบ่งได้ เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) รถยนต์ราคาสูง (Super Car) จำนวน 8 คัน 2) รถยนต์ระดับกลางราคาสูงกว่า 1 ล้านบาท จำนวน 72 คัน 3) รถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท (Economy Car) จำนวน 59 คัน

โดยรถยนต์ ประเภทที่ 1 และ 2 จะเน้นสำหรับผู้บริหารของบริษัท ส่วนรถในกลุ่มที่ 3 จะเหมาะสำหรับผู้จัดการหรือพนักงานทั่วไป โดยแบ่งเป็นรถกระบะจำนวน 33 คัน และรถยนต์ 4 ที่นั่งจำนวน 23 คัน รถตู้ จำนวน 3 คัน

นอกจากนี้ แพลทตินั่มยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่การให้เช่ายานพาหนะประเภทอื่น และเครื่องจักรกลหนัก เช่น รถแทรกเตอร์ ฯลฯ ในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ในช่วงการเติบโต (Growth) เนื่องจากมีประสบการณ์มาแล้วประมาณ 5 ปี และเริ่มสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ทำให้มียอดรถเช่าเพิ่มขึน้ อย่างก้าวกระโดดในปี 2555

บริษัทคาดว่าจะเพิ่มจำนวนรถเช่าในอัตรา 20% 15% 10% และ 5% สำหรับปี 2556 — 2560 ตามลำดับ เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ปัจจุบันบริษัทยังมีขนาดเล็กโดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพียงประมาณร้อยละ 0.003 ของอุตสาหกรรมรถเช่าในประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท และมีรถให้เช่ารวมกันกว่า 150,000 คัน นอกจากนี้

คาดว่าจะได้รับผลดีจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ทำให้มีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึน้ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช่รถเช่า เพราะไม่ต้องการมีค่าใช้จ่ายลงทุนด้านนี่มาก ดังนั้น การคาดการณ์ภายใต้สมมติฐานจำนวนรถเช่าที่เพิ่มขึน้ ดังกล่าว จะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึน้ เป็นประมาณร้อยละ 0.5-0.6 ของมูลค่าตลาดรวมซึ่งผู้บริหารของแพลทตินั่มมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้

การเข้าลงทุนครั้งนี้ บริษัทคาดว่า บริษัทจะสามารถกระจายความเสี่ยงจากเดิมที่เน้นการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง ไปสู่ธุรกิจใหม่ที่มีผลตอบแทนที่ดีกว่า ทั้งนี้ บริษัทฯ จะสามารถกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนเพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังเสริมความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

ธุรกิจให้เช่ารถยนต์สามารถเป็นธุรกิจที่เสริมธุรกิจหลักของบริษัท ในแง่ของการอำนวยความสะดวกใน ด้านการคมนาคมของลูกค้าของโครงการเดิมและลูกค้าในโครงการในอนาคต และเป็นช่องทางส่งเสริมการขายที่แปลก ใหม่ และเพิ่มช่องทางการจัด จำหน่ายในระยะยาวได้ด้วย

นอกจากนี้ แพลทตินั่ม มีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีล่าสุด และมีแนวโน้มดีขีน้ อย่างต่อเนื่องในอนาคตซึ่งจะส่งผลให้บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 76 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว รับรู้ผลกำไรสุทธิตามสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าว

และธุรกิจให้เช่ารถยนต์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคต ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้แพลทตินั่ม ซึ่งปัจจุบันยังมีขนาดเล็ก มีโอกาส และศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้แพลทตินั่มมีฐานลูกค้าที่มีความต้องการรถเช่า แต่เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีอยู่ได้ การเข้าถือหุ้นโดยบริษัทจึงเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงินของแพลทตินั่ม ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้สม่ำเสมอ เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็ นบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้เพิ่มอำนาจต่อรอง สามารถเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อขอเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีขึน้ และทำให้สามารถสร้างกำไรให้แก่บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ