นักลงทุนเฉพาะเจาะจงที่ได้รับรการจัดสรรในครั้งนี้ นายโยธิน เจนวาณิชบ์ จำนวน 200 หุ้น 150 ล้านบาท, นางมนทิรา ผดุงรัตน์ 200 ล้านหุ้น 150 ล้านบาท, นางวรณัณ เลิศกุลธรรม 250 ล้านหุ้น 187.5 ล้านบาท, นายเอกวิชญ์ กมลเทพา 250 ล้านหุ้น 187.5 ล้านบาท, นายนิรันทร์ เหตระกูล 185 ล้านหุ้น 138.8 ล้านบาท, นายอัครินทร์ ธนกิจรุจิโรจน์ 125 ล้านหุ้น 93.8 ล้านบาท,นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ (ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายบริหารของบริษัท) 500 ล้านหุ้น 375 ล้านบาท, นายชาญชัย พาณิชยารมย์ 200 ล้านหุ้น 150 ล้านบาท, นายชูชาติ ชัยชูเกียรติ 90 ล้านหุ้น 67.5 ล้านบาท
เหตุผลและความจำเป็นในการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทั้งที่บริษัทเพิ่งเพิ่มทุนและยังมีเงินเพิ่มทุนเหลืออยู่ 1) ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ในสถานะที่ธนาคารยังมีข้อจำกัดในการปล่อยกู้ให้กับบริษัทค่อนข้างมาก เนื่องจากผลการดำเนินงานในอดีตที่ขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทเริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แต่สถาบันการเงินยังต้องใช้ระยะเวลาในการขอพิจารณาดูผลการดำเนินงานภายในปี 56
ผลดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการที่บริษัทจะขอสินเชื่อเพิ่มจากสถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทไม่ทราบว่า ในอนาคตสถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทอีกเมื่อใด แต่ในอีกด้านหนึ่งบริษัทต้องดำเนินโครงการต่อไปทั้งลงทุนในธุรกิจผลิตเสาเข็ม และโครงการใหม่ๆ เมื่อเกิดความไม่แน่นอนกับแหล่งเงินทุนที่เป็นสินเชื่อจากสถาบันการเงินแล้ว สำหรับในส่วนที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตเมื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในส่วนนี้ ทางสถาบันการเงินมักจะไม่มีนโยบายให้กู้ เนื่องจากจะเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ทำให้บริษัทต้องเงินทุนสำรองในส่วนนี้เป็นจำนวนมากหากมีการขยายกำลังการผลิตออกไป
แหล่งเงินทุนบริษัทคงต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนที่เป็นส่วนทุนของบริษัทเองซึ่งจำเป็นต้องใช้ค่อนข้างมากสำหรับธุรกิจการลงทุนในการตั้งโรงงานใหม่ ทั้งที่ดินและเครื่องมือ เครื่องจักร ต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตต่อไปและสามารถก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทได้ เมื่อมีนักลงทุนจำนวน 9 ราย สนใจที่จะลงทุน จึงเสนอเห็นควรขายหุ้นดังกล่าวให้กับนักลงทุนดังกล่าว เพื่อให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนสำรองที่เพียงพอไว้ดำเนินธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้บุคคลทั้ง 9 รายดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นบุคคลที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน กับทั้งเป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวโยงกับบริษัทฯ แต่อย่างใด
นอกจากนี้ การมีเงินทุนสำรอง สามารถประหยัดดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัทลง และการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนคราวละจำนวนมาก ทำให้ลดจำนวนการเพิ่มทุนลง ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งการจดทะเบียน ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และเป็นการลดความกังวลของนักลงทุนที่จะตัดสินใจลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
จากเหตุผลจำเป็นที่บริษัทควรมีเงินทุนสำรองเพื่อขยายการผลิตและการลงทุนโครงการใหม่และธุรกิจใหม่ รวมทั้งราคาเสนอขายก็เท่ากับราคาตลาดเฉลี่ย และเงื่อนไขก็ไม่ได้ทำให้ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ผ่านมาเสียเปรียบ เนื่องจาก ราคาจองซื้อเท่ากันแต่ผ้ถือหุ้นเดิมให้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิ ในการจองซื้อ 2 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งปัจจุบันมีราคา GEN-W3 ประมาณ 0.30 บาท ซึ่งทำให้ต้นทุนจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นเดิมลดลง 0.15 บาทต่อหุ้น รวมทั้งนักลงทุนที่ประสงค์จะจองซื้อหุ้นส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่มีประวัติการดำเนินงานและประกอบธุรกิจที่สำเร็จ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับเป็นการทั่วไป ดังนั้น บริษัทจึงมีโอกาสที่จะได้นักลงทุน ที่เป็นนักลงทุนระยะยาวและสามารถที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยกำหนดชำระเงินค่าหุ้นสำหรับนักลงทุนภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2556
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วานนี้ได้อนุมัติให้บริษัทเข้าทำการซื้อหุ้นของบริษัท แมคทริค จำกัด จำนวน 800,000 หุ้น หรือสัดส่วน 32.65 % ของทุนจดทะเบียน ในราคารวม 184,000,000 บาท จากบริษัท Twin Glory Investment Ltd. คาดว่าการซื้อหุ้นจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2556
บริษัท แมคทริค จำกัด ดำเนินธุรกิจทางด้านวิศวกรรมงานก่อสร้างและการวางระบบไฟฟ้าเครื่องกล ในแขนงต่าง ๆ ที่ครบวงจร โดยแบ่งสายงานเป็น 2 สายหลัก คือ งานด้านวิศวกรรมก่อสร้างทั่วไป และงานด้านวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกลในแขนงต่างๆที่ครบวงจร โดยแบ่งเป็นงานด้านวิศวกรรมก่อสร้างทั่วไป และงานด้านวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกล โดยมีลักษณะงานในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ งานก่อสร้างอาคารพาณิชย์ อาคารที่อยู่อาศัย สถาบันการศึกษา งานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้างวิศวกรรมโยธา เป็นต้น ซึ่งบริษัทให้บริการตั้งแต่งานสถาปัตยกรรม การสื่อสารโทรคมนาคม ระบบประปาสุขาภิบาล และระบบป้ องกันไฟระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
การเข้าลงทุนใน บริษัท แมคทริค จำกัดจะช่วยให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตมากขึ้น ซึ่งในปี 55 บริษัท แมคทริค มีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตก็จะส่งผลต่อรายได้และกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นของบริษัทเนื่องจากการจัดทำงบการเงินรวม และยังทำให้บริษัทสามารถขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมถึงธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจที่ต่อเนื่องกัน และสามารถนำรายได้ของบริษัท แมคทริค จำกัดนำมารวมเป็นรายได้รวมของบริษัทและกำไรของบริษัทเพิ่มเติม และเป็นการกระจายความเสี่ยงของประเภทของ ธุรกิจของบริษัทให้มีความหลากหลายมากขึ้นด้วย
สินทรัพย์รวมของบริษัทและบริษัท แมคทริค จำกัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 55 เท่ากับ 511 ล้านบาท ดังนั้น การเข้าลงทุนดังกล่าว คาดว่าบริษัทจะเติบโตด้านทรัพย์สินมากกว่าปัจจุบันประมาณร้อยละ 40 และการเติบโตด้านสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทสูงขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริหารคาดว่า การที่บริษัท มีขนาดของสินทรัพย์และทุนที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้บริษัทได้รับผลดีในเรื่องความเชื่อมั่นจากบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น เช่นสถาบันการเงิน ลูกค้า ผู้จัดจำหน่าย คู่ค้า เป็นต้น
ในอนาคตสามารถที่จะ Spin Off เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าลงทุนของบริษัท โดยบริษัท แมคทริค จำกัด มีแผนที่จะยื่นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 57
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าทำรายการในครั้งนี้ ภาระหนี้ของ บริษัท แมคทริค จำกัดที่มีกับสถาบันการเงินจะ ยังคงมีสถานะคงเดิม โดยที่บริษัทจะไม่มีภาระค้ำประกันหนี้ดังกล่าว