"การเติบโตที่ดีของกำไรจากการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ธนาคารพิจารณากันสำรองเพิ่มอีก 1,700 ล้านบาท เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินสำรองของธนาคาร และรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต"นายวรภัค กล่าว
ผลประกอบธนาคารในไตรมาส 3/56 เปรียบเทียบกับไตรมาส 3/55 ว่า ธนาคารมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจหลัก โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเท่ากับ 16,368 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.23 มีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 3,911 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.12 และกำไรจากการดำเนินงานก่อนกันสำรองและภาษีเงินได้จำนวน 14,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.73
ณ วันที่ 30 ก.ย.56 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ 1,680,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 55 จำนวน 150,475 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.83 และมียอดเงินฝาก 1,778,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111,107 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.67 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) จำนวน 59,211 ล้านบาท โดย NPLs Ratio (net) ลดลงจากร้อยละ 1.76 เหลือร้อยละ 1.62
นายวรภัค กล่าวว่า ธนาคารยังคงรักษาคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารในระดับเดิมได้ พร้อมทั้งได้พิจารณากันสำรองเพิ่มเติม ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 92.73 ณ สิ้นปี 55 เป็นร้อยละ 108.29 ณ วันที่ 30 ก.ย.56 ในส่วนของเงินกองทุนรวมเท่ากับ 278,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.40 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงตามหลักเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่าเงินกองทุนในระดับนี้ ทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งและสามารถขยายธุรกิจได้ตามแผน