GSTEL จะกลับมาเริ่มผลิตในมี.ค.57 หลังอุปสงค์ในประเทศเพิ่มขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 17, 2014 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.จีสตีล (GSTEL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติรับทราบแผนที่บริษัทจะเริ่มการผลิตในเดือนมี.ค.57 หลังจากบมจ.จี เจ สตีล(GJS)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเริ่มผลิตก่อนในปีที่ผ่านมา เพื่อควบคุมปริมาณอุปทานให้เหมาะสมกับอุปสวงค์ของเหล็กแผ่นรีดร้อนในช่วงเวลานั้นให้สดคล้องกับารใช้เหล็กในประเทศไม่ให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากเดินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดการแข่งขันตัดราคากัน สร้างความเสียหายให้กับผู้ผลตเหล็กได้ และในไตรมาส 4/56 การนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเริ่มลดลงอย่างมีนับสำคัญ ขณะนี้ในประเทศมีอุปสงค์การใช้เหล็กเพิ่มขึ้นมากหลักจากเหล็กนำเข้าได้ลดลง

สำหรับแผนดำเนินธุรกิจของ GSTEL ต่อจากนี้ ด้านการสั่งซื้อวัตถุดิบ กลุ่มมหาชัยศูนย์รวมเหล็กได้เริ่มสั่งวสัตถุดิบ โดยได้ทการเปิด L/C ภายใต้วงเงินเพื่อสั่งซื้อเหล็ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักจากผู้ขายจำนวนเงินประมาณ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อเริ่มดำเนินการผลิตเรียบร้อยแล้ว โดยเศษเหล็กที่สั่งซื้อดังกล่าวจะเข้าโรงงานภายในเดือนมี.ค.57 และวัตถุดิบจะทยอยเข้าโรงงานทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ด้านการขาย กลุ่มมหาชัยศูนย์รวมเหล็กและกลุ่มลูกค้าจำนวนหนึ่งได้ทำข้อตกลงซื้อเหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot Rolled Coil)ที่บริษัทสามารถผลิตได้ทั้งหมดเป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวนรวม 1,230,000 ตัน โดยกลุ่มลูกค้าประกอบด้วย บริษัท มหาชัยศูนย์รวมเหล็ก จำกัด, บมจ.ค้าเหล็กไทย จำกัด, บมจ.แปซิฟิค ไพพ์, บมจ.เอเชีย เมทัล, บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิคส์, บริษัท ไทยพรีเมี่ยม ไพพ์ จำกัด, บริษัท ไทยคูณ สตีล จำกัด, บริษัท ทรัพย์สยามโลหะกิจ จำกัด

ทั้งนี้ เงื่อนไขราคาจะมีการตกลงราคากันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน เพื่อกำหนดราคาขายสำหรับเดือนถัดไป

นอกจากนี้ ทิศทางราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างประเทศของรัฐบาลในการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ เช่น มาตรการ Safeguard และมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดอย่างไม่เป็นธรรม (Anti-dumping) ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัท และส่งเสริมผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้

เนื่องจากราคาวัตถุดิบและราคาขายมีความผันผวน กอปรกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำอย่างรุนแรงตั้งแต่ปี 51 ที่ผ่านมาทำให้เกิดภาวะ over supply ของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจนถึงกลางปี 56 เป็นต้นมา เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ทำให้ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนไม่ผันผวนมาก โดยบริษัทคาดว่าราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ กอปรกับรัฐบาลเข้มงวดในการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพและราคาไม่ยุติธรรม เช่น มาตรการ Safeguard และมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดอย่างไม่เป็นธรรม (Anti-dumping) ต่อสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้าซึ่งผ่านกระบวนการไต่สวนและการทบทวนตามกฎหมาย โดยรัฐบาลพิสูจน์แล้วว่า ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในจริงและได้มีผลบังคับใช้ครอบคลุมมากขึ้นแล้ว ทำให้ตลาดมีความพร้อมและเสถียร ความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้น บริทจะกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง

ราคาขายสินค้าสำเร็จรูป (Commercial Grade) ปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ยประมาณร้อยละ 5-6 ซึ่งยังไม่รวมราคาเหล็กเกรดพิเศษ จะเห้นได้ว่าราคาขายได้เริ่มปรับตัวขึ้นแล้วจากผลของมาตรการตามที่กล่าว ซึ่งทางฝ่ายบริหาร คาดการณ์ว่าการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากเหล็กไม่มีคุณภาพและราคาไม่ยุติธรรมนำเข้าลดลง ราคาขายจะเริ่มเสถียรและมีกำไรอย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ