mai รับ"เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์"เทรด 11พ.ย.ชื่อย่อ"NCL"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 10, 2014 13:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 โดย NCL ให้บริการจัดการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ด้วยบริการวางแผน จัดการ และการแก้ปัญหาเพื่อให้สินค้าของลูกค้าเคลื่อนย้ายไปสู่จุดเป้าหมายด้วยระยะเวลาที่สั้นและคุ้มต้นทุน ครอบคลุมบริการขนส่งทั้งระหว่างประเทศ ทางทะเล และทางอากาศ และภายในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลากและหางลาก ปัจจุบันมีรถหัวลาก 50 คัน และรถหางลาก 98 คัน โดยมีลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการเพื่อการส่งออกและนำเข้า และผู้ให้บริการจัดการขนส่งสินค้า (freight forwards)

NCL มีทุนชำระแล้ว 105 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 325 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 95 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท เมื่อวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2557 คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 171 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 756 ล้านบาท มีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ไปลงทุนซื้อรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มสัดส่วนรายได้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงต่อไปในอนาคต

NCL มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวพัวถาวรสกุล ถือหุ้น 59.05% บจก.ร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี ถือหุ้น 14.29% นายสุขสันต์ กิตติภัทรพงษ์ และนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ถือหุ้นรายละ 1.19% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ ต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 23.45 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 กรกฎาคม 2556 – 30 มิถุนายน 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองต่างๆทั้งหมด

ในวันทำการแรกของเดือนมกราคม 2558 mai จะนำหลักทรัพย์จัดแยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (mai Industry group) 8 กลุ่ม ตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ซึ่ง NCL จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มบริการ (SERVICE)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ