(เพิ่มเติม) ตลท.รับหุ้น JWD เข้าเทรดใน SET 29 ก.ย.,ระดมทุนขยายคลังสินค้าในไทย-ตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 28, 2015 10:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) รับหลักทรัพย์ซึ่งเป็นหุ้นสามัญ ของบมจ. เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า JWD เข้าซื้อขายใน SET ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยให้เริ่มทำการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.58 ขณะที่บริษัทมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ 600 ล้านหุ้น เรียกชำระแล้ว 600 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท สำหรับหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) มีจำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคา IPO หุ้นละ 11 บาท

JWD ดำเนินธุรกิจให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ (In-land Logistics) อย่างครบวงจร แบ่งเป็น 5 ธุรกิจ ได้แก่ (1) บริการรับฝากและบริหารสินค้า ทั้งบนพื้นที่ทั่วไปและพื้นที่เขตปลอดอากร โดยแบ่งสินค้าที่ให้บริการได้ 4 ประเภทคือ สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย รถยนต์และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง

(2) บริการขนส่งสินค้าในประเทศ และขนส่งสินค้าข้ามแดน เช่น ประเทศลาว และประเทศเมียนมาร์ (3) บริการขนย้ายให้กับบุคคลและองค์กรทั้งในและต่างประเทศ (4) บริการจัดการเอกสารและข้อมูล เช่น บริการรับฝากข้อมูล บริการรับฝากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ บริการทำลายเอกสาร และบริการขนส่งเอกสาร เป็นต้น และ (5) ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ให้เช่าอาคารสำนักงานและคลังสินค้า และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีจุดแข็งที่เป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ได้รับสัมปทานให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าอันตรายในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังนาน 30 ปี จึงทำให้สินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออกท่าเรือแหลมฉบัง จะต้องผ่านคลังสินค้าอันตรายของบริษัทเท่านั้น

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ JWD กล่าวว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน SET ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยบริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปขยายคลังสินค้าในไทยและต่างประเทศ ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯต่อไป

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิสำหรับสินค้าแช่เย็นและแช่แข็งในประเทศเมียนมาร์ สปป.ลาวและกัมพูชา พื้นที่รวม 6,490 ตารางเมตร เพื่อรองรับธุรกิจค้าปลีกด้านอาหารที่กำลังเติบโต จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2559 ส่วนในประเทศไทยได้ดำเนินการปรับปรุงคลังสินค้าเดิมในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นศูนย์เก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ มีพื้นที่ 9,000 ตารางเมตร พร้อมพัฒนาพื้นที่ศูนย์เก็บและกระจายสินค้าอันตรายเพื่อใช้แยกและกระจายสินค้าลงในรถขนส่งขนาดเล็ก ขนาดพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร โดยทั้ง 2 โครงการจะเริ่มให้บริการในไตรมาส 1/59

"บริษัทยังมีความพร้อมและศักยภาพในการก้าวไปสู่ผู้นำด้านโลจิสติกส์ในอาเซียน ด้วยการเข้าไปลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเรายังแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้วยการร่วมทุนหรือควบรวมกิจการกับพันธมิตร เพื่อให้เราก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้"นายชวนินทร์ กล่าว

ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยและอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องหลังไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนที่กระตุ้นให้เกิดการขยายฐานการผลิตในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม ที่ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติเข้าไปลงทุนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคนี้และเป็นโอกาสของ JWD ในการเข้าให้บริการแก่ลูกค้าเพื่อผลักดันการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ด้านบทวิเคราะห์โดยฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ 4 ราย ได้แก่ บล.กสิกรไทย , บล.เอเซีย พลัส , บล.ไทยพาณิชย์ และ บล.ทิสโก้ มีมุมมองต่อทิศทางการดำเนินงานของ JWD ในปี 58-60 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยมีความสามารถทำกำไรขั้นต้นมากกว่า 40% จากรายได้บริการรับฝากสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง ยานยนต์และสินค้าอันตรายที่เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างโดดเด่น ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 17% และ 14% ตามลำดับ

ขณะเดียวกันยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็งที่ประเทศเมียนมาร์ สปป.ลาวและกัมพูชา ซึ่ง JWD ถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่เข้าไปรุกตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง จึงมีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากความต้องการบริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ จึงได้ประเมินราคาที่เหมาะสม (Fair Value) ของหุ้น JWD ในปี 58-59 ไว้ที่ 13.60-14.20 บาท โดยคำนวณจากวิธีคิดส่วนลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow : DCF) และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ในปีนี้ที่ 22.5-23 เท่า ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเดียวกันที่มีค่า P/E สูงถึง 34 เท่า อีกทั้งการประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสม 13.60-14.20 บาทดังกล่าว ยังคงสูงกว่าราคา IPO ซึ่งอยู่ที่หุ้นละ 11 บาท จึงสะท้อนถึงความน่าสนใจในการลงทุนได้เป็นอย่างดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ