PTTGC เผยกำไรปี 58 เพิ่ม 33% ธุรกิจปิโตรเลียม-อะโรเมติกส์หนุน,ขาดทุนสต็อกฯรวมไม่มาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 16, 2016 08:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เผยกำไรสุทธิปี 58 ที่ระดับ 2.05 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อนหน้า หลังมีผลการดำเนินงานของธุรกิจปิโตรเลียมและธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและวัตถุดิบที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงทำให้มีผลขาดทุนจากสต็อกผลิตภัณฑ์รวม แต่เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงที่ดีทำให้ในปี 58 มีผลขาดทุนจากสต็อกฯรวมเพียง 957 ล้านบาท

ในปี 58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.05 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1.54 หมื่นล้านบาทในปี 57 โดยภายใต้สภาวะตลาดน้ำมันที่ผันผวนประกอบกับสภาพเศรษฐกิจในภูมิภาคที่มีความไม่แน่นอนในปีที่ผ่านมา แต่บริษัทมีการบริหารจัดการในเรื่องการผลิตและการขายเพื่อให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกน้อยที่สุด ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 58 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าได้

ทั้งนี้ ในส่วน Adjusted EBITDA Margin ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 13% จากเดิมอยู่ที่ 10% เนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจปิโตรเลียมและธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ดีขึ้น โดยในธุรกิจปิโตรเลียม มีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับวัตถุดิบปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของน้ำมันแก๊สโซลีนและน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น ขณะที่มีค่าการกลั่นที่ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน (Market GRM) อยู่ที่ 5.45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อนหน้า

ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์หลักกับวัตถุดิบคอนเดนเสท เช่น ผลิตภัณฑ์พาราไซลีน และเบนซีนจะปรับตัวลดลง แต่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์พลอยได้จากธุรกิจอะโรเมติกส์ ซึ่งมีสัดส่วนการขายราว 41% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจโอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องนั้น บริษัทได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของราคาผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลีน (PE) ทำให้ Adjusted EBITDA Margin ของธุรกิจโอเลฟินส์ลดลงมาอยู่ที่ 24% จาก 26% ในปีก่อนหน้า

แม้ว่าในปี 58 ราคาน้ำมันดิบดูไบจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปี 57 โดยลดลงจากต้นปีที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในเดือนธ.ค.58 แต่จากการที่บริษัท จัดการบริหารความเสี่ยงโดยการเข้าทำ Commodity Hedging ส่งผลให้ทั้งปีได้รับผลกระทบจากการลดลงของมูลค่าสต็อกสินค้าและวัตถุดิบสุทธิเพียง 957 ล้านบาท ประกอบด้วย ผลขาดทุนจากสต็อก (Stock Loss) จำนวน 6.5 พันล้านบาท NRV Gain จำนวน 2,902 ล้านบาท และกำไรจาก Commodity Hedging จำนวน 2.65 พันล้านบาท

นอกจากนี้ในไตรมาส 4/58 บริษัทรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของบริษัท Myriant จำนวนรวม 2.53 พันล้านบาท หรือจำนวน 2.06 พันล้านบาทเมื่อสุทธิกับภาษีเงินได้ ซึ่งเป็นการด้อยค่าของโรงงานผลิต Succinic Acid ที Lake Providence ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากโรงงานดังกล่าวอยู่ในระหว่างการทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ทำให้ราคา Succinic Acid ปรับลดลงด้วย จึงทำให้การใช้กำลังการผลิตไม่เต็มกำลังการผลิต ส่งผลให้ต้องรับรู้การด้อยค่าดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ