GRAMMY ยื่นศาลขอให้ยกเลิกคำสั่งตามแผนฟื้นฟูฯ"จีเอ็มเอ็ม บี"หลังพบส่อเจตนาไม่สุจริต-สร้างความเสียหาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 7, 2016 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) วันนี้เห็นชอบให้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้มีคำสั่งยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม บี นำเงินที่ได้รับจาก บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และ บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (BEC) ไปชำระหนี้กู้ยืมให้แก่นายวิชัย ทองแตง แต่ให้นำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้ให้แก่ UEFA ในส่วนของ EURO 2016 Qualifiers ซึ่งจะถึงกำหนดชำระในวันที่ 1 ก.ย.59 เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูกิจการของจีเอ็มเอ็ม บี

พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายวิขัย ทองแตง ยื่นขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้กู้ยืมเงินในคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และให้มีคำสั่งเพิกถอนสัญญาที่ จีเอ็มเอ็ม บี ให้สิทธิแก่ BEC ในการถ่ายทอดสดฟุตบอล UEFA EURO 2016 จำนวน 31 คู่การแข่งขัน รวมทั้งให้มีคำสั่งระงับไม่ให้ บริษัท ซีทีเอช นำเครื่องหมายการค้า CTH ขึ้นหน้าจอขณะที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันรายการดังกล่าว

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก จีเอ็มเอ็ม บี ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลาย ซึ่งทางจีเอ็มเอ็ม บี และนายวิชัย ทองแตง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ. ซีทีเอช และเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของ จีเอ็มเอ็ม บี ได้ขอให้จีเอ็มเอ็ม บี เข้าทำธุรกรรมกู้ยืมเงินจากนายวิชัย จำนวน 5,631,578.95 เหรียญสหรัฐ เพื่อนำเงินไปชำระให้แก่ UEFA ตามสัญญา UEFA EURO 2016 และ จีเอ็มเอ็ม บี จะนำเงินที่ได้รับจาก BEC ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิการออกอากาศสัญญาณถ่ายทอดสดการแข่งขัน เทปบันทึกภาพการแข่งขัน และสัญญาณรายการภายใต้ผังรายการทางช่องรายการโทรทัศน์ของ BEC ไปชำระหนี้กู้ยืมคืนให้แก่นายวิชัย

แต่ข้อกล่าวอ้างของ จีเอ็มเอ็ม บี และนายวิชัยดังกล่าวคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง เนื่องจากตามบันทึกข้อตกลงระหว่าง BEC และจีเอ็มเอ็ม บี กำหนดว่า BEC จะต้องชำระหนี้สำหรับค่าสิทธิตามสัญญา UEFA EURO 2016 งวดสุดท้ายจำนวน 4,000,000 เหรียญสหรัฐ ให้แก่จีเอ็มเอ็ม บี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.58 ซึ่ง BEC ได้ชำระเงินดังกล่าวแล้ว ดังนั้น การที่ BEC จะต้องชำระเงินงวดที่ 3 จำนวน 7,000,000 เหรียญสหรัฐ ให้แก่จีเอ็มเอ็ม บี ภายในวันที่ 1 ก.ย.59 จึงเพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับการออกอากาศการแข่งขันรายการตามสัญญา Euro Qualifiers (ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขัน UEFA EURO 2016 Qualifier และการแข่งขัน 2018 FIFA World Cup Qualifier) มิใช่ตามสัญญา UEFA EURO 2016 และตามสัญญา Euro Qualifiers แต่อย่างใด

ขณะที่ จีเอ็มเอ็ม บี จะต้องจ่ายค่าสิทธิให้ UEFA ตามงวดระยะเวลา จำนวน 6,000,000 เหรียญสหรัฐ ภายในวันที่ 1 ก.ย.59 โดยนำเงินที่ได้รับจาก BEC ดังกล่าวไปชำระหนี้ให้แก่ UEFA ดังนั้น การที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ จีเอ็มเอ็ม บี กู้ยืมเงินจากวิชัย จำนวน 5,631,578.95 เหรียญสหรัฐ และ เมื่อได้รับค่าตอบแทนจาก BEC จำนวน 7,000,000 เหรียญสหรัฐแล้ว จีเอ็มเอ็ม บี จะต้องชำระหนี้แก่นายวิชัยจะทำให้ จีเอ็มเอ็ม บี มีเงินเหลืออยู่อีกเพียง 1,368,421.05 เหรียญสหรัฐ เท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุให้ จีเอ็มเอ็ม บี ที่อยู่ในภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้แก่ UEFA สำหรับค่าสิทธิในส่วนของ UEFA EURO 2016 Qualifiers จำนวน 6,000,000 เหรียญสหรัฐ ภายในวันที่ 1 ก.ย.59 การไม่ชำระค่าตอบแทนดังกล่าวยังส่งผลให้ BEC ได้รับความเสียหายจากกรณีที่มีการชำระค่าสิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอล ตามสัญญา Euro Qualifiers ให้กับ จีเอ็มเอ็ม บี แล้ว แต่ไม่ได้รับสัญญาณการถ่ายทอดสดการแข่งขันตามสัญญา ซึ่งจะส่งผลให้ BEC อาจถูกผู้บริโภคร้องเรียนต่อ กสทช. และเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันดังกล่าวได้

นอกจากนี้ ยังปรากฏพฤติการณ์ว่า จีเอ็มเอ็ม บี ให้สิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอล UEFA EURO 2016 แก่ BEC จำนวน 31 คู่ การแข่งขัน โดยกำหนดค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าค่าตอบแทนที่ได้รับจาก BEC ก่อนหน้านี้สำหรับการถ่ายทอดสดฟุตบอล UEFA EURO 2016 จำนวน 20 คู่การแข่งขันถึงกว่า 6 เท่า ซึ่งส่อให้เห็นถึงเจตนาไม่สุจริต ทำให้บริษัทฯ และเจ้าหนี้รายอื่นได้รับความเสียหาย

ประกอบกับ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล UEFA EURO 2016 ที่ผ่านมา ได้มีการใช้เครื่องหมายการค้า CTH เผยแพร่ขึ้นหน้าจอโทรทัศน์ในระหว่างการแข่งขันมาโดยตลอด ซึ่งเป็นประโยชน์กับบริษัท ซีทีเอช ทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์ และการตลาดให้กับเครื่องหมายการค้า CTH โดยที่จีเอ็มเอ็ม บี ไม่ได้รับประโยชน์หรือค่าตอบแทนจากซีทีเอช

เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ต่างๆ ข้างต้นจะพบว่า อาจส่งผลให้นายวิชัย และ/หรือ BEC และ/หรือบริษัท ซีทีเอช ได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่นๆ และทำให้เจ้าหนี้รายอื่นๆ ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าว

GRAMMY ยังรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีที่ บริษัท ฟ็อกซ์ เน็ตเวิร์ค กรุ๊ป เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ฟ้องบริษัทฯ และธนาคารพาณิชย์เป็นจำเลยในคดีแพ่งต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง สืบเนื่องจากคดีที่จีเอ็มเอ็ม บี ได้ค้างชำระค่าสิทธิตามสัญญาด ตั้งแต่สิ้นเดือน ก.ย.58 ถึงเดือน ก.พ.59 เป็นเงิน 5,739,999.99 เหรียญสหรัฐ โดยขอศาลเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ที่ออกหนังสือค้ำประกันชำระค่าสิทธิค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือน รวมเป็น 6,147,999.99 เหรียญสหรัฐ หรือทุนทรัพย์ตามฟ้องเป็นเงินจำนวนประมาณ 220,053,519.24 บาท

ปัจจุบัน คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการรอการไกล่เกลี่ยและนัดชี้สองสถาน ศาลนัดไกล่เกลี่ยในวันที่ 10 ส.ค.59 เวลา 13.30 น. และเลื่อนการพิจารณานัดชี้สองสถานไปเป็นวันที่ 26 ส.ค.59 เวลา 9.30 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ