KC เจรจาหาแนวทางชำระคืนหนี้ หลังผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน 350 ลบ.กับบลจ.โซลาริส

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 20, 2017 08:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ (KC) แจ้งว่าบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบลจ.โซลาริส เรื่องการชำระคืนหนี้ หลังผิดนัดชำระหนี้ประเภทตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) 5 ฉบับ จำนวนเงินรวม 350 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่สามารถนำเงินมาชำระคืนหนี้ได้ภายในกำหนดที่ได้ขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไปเป็นวันที่ 10 เม.ย.60

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก KC ได้ออกตั๋วแลกเงินดังกล่าว โดยมีกองทุนเปิดของบลจ.โซลาริส เป็นผู้ลงทุนในตราสาร ซึ่งในวันที่ 16 ธ.ค.59 บริษัทได้ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินฉบับที่ 1 มูลค่า 130 ล้านบาท บริษัทจึงได้จดจำนองที่ดินเพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ โดยมีมูลค่าประเมินทรัพย์สินครอบคลุมหนี้จำนวน 350 ล้านบาท และดอกเบี้ยให้แก่กองทุนเปิด ตามคำขอของบลจ.โซลาริส และได้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ 350 ล้านบาท ออกไปเป็นวันที่ 10 เม.ย.60

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59 บริษัทได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้จำนวน 350 ล้านบาท ให้แก่บลจ.โซลาริส โดยคงอัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ของเงินต้นตามตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับนับแต่วันที่ตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับถึงกำหนดชำระเงินเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ โดยจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 10 เม.ย.60 หากบริษัทผิดนัดชำระหนี้ยินยอมให้บลจ.โซลาริส คิดดอกเบี้ยในอัตรา 15% ต่อปีของเงินจำนวนเงินต้นที่ค้างชำระอยู่นับแต่วันที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จนั้น

โดยหากไม่สามารถชำระเงินดังกล่าวได้ภายในวันที่ 10 เม.ย.60 จะคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระในอัตรา 15% ต่อปีของจำนวนเงินตามตั๋วแลกเงินนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.60 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยจะต้องชำระหนี้ภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอก

ทั้งนี้ หนี้จำนวน 350 ล้านบาท และดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี คำนวณถึงวันที่ 10 เม.ย.60 มีจำนวน 5.4 ล้านบาท และค่าชักส่วนลด (ร้อยละ 1/6 ของราคาหน้าตั๋ว) จำนวน 583,333.34 บาท เมื่อคิดเทียบกับสินทรัพย์รวม ของบริษัทจะมีขนาดรายการเท่ากับ 19.64% ของสินทรัพย์รวม

สำหรับผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ จะทำให้บริษัทต้องชำระหนี้คืนภายใน 60 วัน โดยจะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายในส่วนหนี้ 350 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 7.5% ต่อปีเป็น 15% ต่อปี ทำให้ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยสูงขึ้นซึ่งอาจจะกระทบต่อผลประกอบการ บริษัทไม่สามารถพัฒนาที่ดินที่ติดจำนอง ซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนพัฒนาในระยะสั้น แต่ยังคงมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการและที่ดินปลอดภาระรอการพัฒนาแปลงอื่น เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ขณะที่บริษัทยังคงมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเพียงพอต่อการชำระหนี้ ด้านวงเงินสินเชื่ออื่น ๆ ที่สถาบันการเงินให้การสนับสนุนบริษัท เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังคงดำเนินไปตามปกติ

ส่วนแนวนทางการแก้ไขการผิดนัดชำระหนี้นั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบลจ.โซลาริส เรื่องการชำระคืนหนี้ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกตั๋วแลกเงินดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 5 เม.ย.60 เพื่อติดตามบังคับชำระหนี้และเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด


แท็ก (KC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ