บมจ.บ้านปู (BANPU) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้นมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังราคาขายถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น แม้จะมีปริมาณขายลดลงก็ตาม ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าหงสาในลาว ที่มีผลการดำเนินงานราบรื่นส่งผลให้มีจำนวนชั่วโมงการจ่ายไฟฟ้าที่สูง หนุนส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก
BANPU แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 66 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระดับ 8 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาทมีกำไรสุทธิ 2.26 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 281.79 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยในไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้จากการขาย 633 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาส 2/59 จากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 66.66 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปริมาณขายถ่านหินอยู่ที่ 8.71 ล้านตัน ลดลง 6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงของปริมาณขายถ่านหินในอินโดนีเซีย 0.68 ล้านตัน หลังปริมาณการผลิตถ่านหินลดลงจากภาวะฝนตกหนัก ขณะที่ปริมาณขายถ่านหินในออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.12 ล้านตัน
ส่วนต้นทุนขายรวมในไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 412 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายของธุรกิจไฟฟ้า ไอน้ำ รวมถึงต้นทุนถ่านหินที่เป็นเชื้อเพลิงหลักของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีน รวมถึงต้นทุนขายของภาคธุรกิจถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณขายถ่านหินที่ลดลง และต้นทุนเฉลี่ยต่อตันที่เพิ่มขึ้น
สำหรับส่วนแบ่งกำไรของการร่วมค้าในไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 76 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 196% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการรับรู้ผลกำไรของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี จำนวน 21 ล้านเหรียญสหรัฐ ,โรงไฟฟ้าหงสา 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจถ่านหินในจีน 21 ล้านเหรียญสหรัฐ และอื่น ๆ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ
BANPU ระบุว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/60 แสดงให้เห็นถึงรายได้จากธุรกิจถ่านหินที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจากราคาถ่านหินที่สูง อีกทั้งธุรกิจไฟฟ้าได้รายงานผลกำไรที่ดี โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้าหงสา ทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สำหรับไตรมาสนี้ คิดเป็น 215 ล้านเหรียญสหรัฐ ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่สูงขึ้นกว่าเท่าตัวจากงวดปีก่อน โดย EBITDA ดังกล่าว ประกอบด้วย จากธุรกิจถ่านหิน 149 ล้านเหรียญสหรัฐ ,ธุรกิจไฟฟ้า 59 ล้านเหรียญสหรัฐ และธุรกิจก๊าซฯ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ
ธุรกิจไฟฟ้ามีผลประกอบการที่โดดเด่นในไตรมาสนี้ โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี รายงานส่วนแบ่งกำไรในระดับที่ดีจำนวน 21.36 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่โรงไฟฟ้าหงสา มีผลการดำเนินงานที่ราบรื่นต่อเนื่องส่งผลให้มีจำนวนชั่วโมงจ่ายไฟฟ้าที่สูง ส่วนแบ่งกำไรคิดเป็น 29.86 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นส่วนแบ่งกำไรที่สูงที่สุดนับตั้งแต่โรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการมาเป็นเวลา 2 ปี กำไรสุทธิจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนคิดเป็น 1.76 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นผลจากยอดขายไอน้ำที่ลดลงตามฤดูกาลและต้นทุนถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง