ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พิจารณารับหลักทรัพย์หุ้นสามัญ ของ บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) ชื่อย่อหลักทรัพย์ WPH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการหมวดธุรกิจการแพทย์ วันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 3 ต.ค.2560 วันที่เริ่มทำการซื้อขาย 3 ต.ค. 2560 จำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. 600,000,000 หุ้น จำนวนหุ้นชำระแล้ว (หุ้นสามัญ)600,000,000 หุ้น ราคา Par 0.50 บาทต่อหุ้น ทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท จำนวนหุ้น IPO 150,000,000 หุ้น ราคา IPO 3.90 บาทวันที่เสนอขายต่อประชาชน วันที่ 20-22 ก.ย.2560
ลักษณะธุรกิจ บริษัทประกอบกิจการสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนในลักษณะโรงพยาบาลทั่วไป (General Hospital) ภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง" มีขนาด 120 เตียง ให้บริการรักษาพยาบาลแบบครบวงจรแก่ลูกค้าทั่วไป ลูกค้าคู่สัญญา และกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากว่า 60 ปี และยังให้บริการในรูปแบบคลินิกในจังหวัดกระบี่ด้วย
นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. กล่าวว่า ตลท.ยินดีต้อนรับ บมจ. โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “WPH" ในวันที่ 3 ต.ค.นี้
WPH สามารถระดมทุนผ่าน IPO ได้มูลค่ารวม 585 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 2,340 ล้านบาท โดยมี บล. ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายแพทย์สมชาย จันทร์สว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ WPH เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนและขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่องด้วยการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาด 59 เตียง ที่อ่าวนาง จ.กระบี่ และขยายอาคารโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงเป็น 212 เตียง และเพิ่มห้องตรวจ คลินิกเฉพาะทาง เพื่อรองรับการให้บริการแก่ประชาชนและชาวต่างชาติจำนวนมากในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพสู่มาตรฐานสากล เพื่อการเติบโตระยะยาว
WPH มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวลีละวัฒน์ ถือหุ้นรวม 72.24% นายแพทย์วิศิษฐ์ อมรวิทยารักษ์ ถือหุ้น 1.15% และนายแพทย์ศักดิ์ชัย โพธินามทอง ถือหุ้น 1.03%
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) ที่ 42.67 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (ไตรมาส 3 ปี 2559 ถึงไตรมาส 2 ปี 2560) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.09 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด