(เพิ่มเติม1) III คาดผลการดำเนินงาน H2/61 จะดีกว่า H1/61 เหตุเข้าไฮซีซั่น, จะเข้าซื้อหุ้น 50%ใน "DG Packaging"ต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 19, 2018 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. (DGP) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์และให้บริการรับบรรจุสำหรับสินค้าอันตรายที่ใช้ในการขนส่งสินค้า ในสัดส่วนร้อยละ 50 รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 11 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็นไม่เกิน 267.76 ล้านบาท โดยบริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ DGP (สัญญาซื้อขายหุ้น) ในวันเดียวกัน ขณะที่คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อหุ้น DGP ได้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.61

สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะช่วยกลุ่มบริษัทสามารถเติบโตและต่อยอดทางธุรกิจในอุตสาหกรรมขนส่ง และโลจิสติกส์ของสินค้าอันตรายในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการทำธุรกิจที่สำคัญของโลก เนื่องจากปัจจุบัน DGP เป็นผู้จัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์และให้บริการรับบรรจุสินค้าอันตรายที่ใช้ในการขนส่งสินค้า การเข้าลงทุนใน DGP จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจจากการบูรณาการในแนวดิ่ง (Vertical Integration) ของกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์ และสินค้าอันตรายของกลุ่มบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างผลกำไรและกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ส่วนแหล่งเงินลงทุนครั้งนี้จะมาจากเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของบริษัท

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III กล่าวว่า การเข้าถือหุ้น DG Packaging ครั้งนี้ถือเป็นก้าวย่างทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ ทริพเพิล ไอ ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางการค้าในภูมิภาคอาเซียน ยังเป็นศูนย์กลางของตลาดโลจิสติกส์ สินค้าเคมี และสินค้าอันตรายในภูมิภาคนี้ การเข้าถือหุ้นใน DG Packaging ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจที่สำคัญของบริษัทฯ จึงเป็นการขยายธุรกิจในเชิงลึกที่จะเพิ่มกำไรให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต

นอกจากนี้ DG Packaging ยังเป็นบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการที่ดี โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิในปี 2561 กว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยทำให้ผลประกอบการของ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ทริพเพิล ไอ จะได้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจของ DG Packaging ซึ่งครอบคลุม 18 ประเทศใน 5 ทวีป

ล่าสุด ในปี 2560 บริษัท DG Packaging มีรายได้ 198 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท

นายทิพย์ คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 61 จะปรับตัวดีกว่าในครึ่งปีแรก โดยทั้งปีคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 20% เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโลจิสติกส์และการส่งออก ซึ่งปีนี้มีปริมาณการส่งออกมีการเติบโตสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจหลักของบริษัทฯทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ ขนส่งทางเรือ และขนส่งเคมีภัณฑ์ คาดว่าจะเติบโตเป็นไปในทิศทางที่ดี ในธุรกิจขนส่งทางอากาศ พันธมิตรหลักของบริษัทฯ ได้แก่ สายการบิน ไทยแอร์เอเซีย และไทยแอร์เอเซีย เอ็กซ์ มีการเปิดเส้นทางสายการบินใหม่ ซึ่งจะช่วยทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ในส่วนธุรกิจขนส่งทางเรือ สายเรือริเชา ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ จะมีการขยายเส้นทางการเดินเรือใหม่ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง นอกจากนี้สายเรือ CK Line ซึ่งเป็นพันธมิตรในบริษัทฯร่วมทุนของบริษัทฯ จะเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ไปภาคเหนือของประเทศจีน

"จากปัจจัยเหล่านี้จะล้วนเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งทางเรือให้กับบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่ารายได้จากธุรกิจการขนส่งทางเรือจะเติบโตไม่น้อยกว่า 50%"

นอกจากนี้ รายได้ธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ อาทิ การบริหารคลังสินค้าระหว่างประเทศ ก็จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจขนส่งทางอากาศได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจขนส่งเคมีภัณฑ์คาดว่าจะมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น จากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและการลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ซึ่งบริษัทฯ ได้ขยายพื้นที่คลังสินค้าเคมีเพื่อรองรับการเติบโตไว้เรียบร้อยแล้ว น่าจะได้ประโยชน์จากการปริมาณการขนส่งสินค้าในครึ่งปีหลังซึ่งเป็นช่วง Peak Season

บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะสามารถทำอัตรากำไรสุทธิปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 5.6% จากปีก่อนที่ 5.57% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/61 จะทำได้เพียง 4.24% โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และบริษัทได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุน นอกจากนี้ทิศทางค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลบวกกับบริษัทด้วย

ทั้งนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายที่จะเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีนี้ อย่างน้อย 1 กิจการ/ปี โดยจะเน้นในกิจการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม และมีผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน ซึ่งบริษัทยังมีเงินทุนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้น IPO เหลืออยู่กว่า 200 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกรมท่าอากาศยาน และกรมศุลกากร เพื่อที่จะขยายพื้นที่คลังสินค้าในสนามบินดอนเมือง ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุนราว 50 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ในปี 62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ