บมจ.ปตท.สารวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. แจ้งว่า ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 บริษัท PTTEP Australasia (Ashmore Cartier) Pty Ltd (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย เพื่อขายสัดส่วนการลงทุน 100% ในแหล่งมอนทาราและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตั้งอยู่ในเครือรัฐออสเตรเลีย ให้แก่บริษัท Jadestone Energy (Eagle) Pty Ltd ด้วยมูลค่าการขายสินทรัพย์จำนวน 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดยมูลค่าดังกล่าวจะต้องมีการปรับเงินทุนหมุนเวียนที่เปลี่ยนแปลงไปจนกว่าการซื้อขายจะมีผลสมบูรณ์ อีกทั้ง อาจมีการรับรู้มูลค่าการขายเพิ่มเติมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิต ระดับราคาน้ำมันดิบ และการพัฒนาแหล่งในอนาคต ในจำนวนไม่เกิน 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
การซื้อขายจะมีผลสมบูรณ์เมื่อบรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญาฯ ซึ่งรวมถึงการอนุมัติจาก National Offshore Petroleum Titles Administrator (NOPTA) และ National Offshore Petroleum Safety and Environmental Management Authority (NOPSEMA) ของออสเตรเลีย โดยคาดว่าการซื้อขายจะมีผลสมบูรณ์ภายในปี 2561
แหล่งมอนทาราเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทะเลติมอร์ ซึ่งมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยสำหรับครึ่งปี 2561 ที่ 7,694 บาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ การขายแหล่งมอนทาราถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุน (Portfolio Rationalization) ให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP เปิดเผยว่า บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย (แอชมอร์ คาร์เทียร์) พีทีวาย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาขายแหล่งมอนทารา ในสัดส่วนร้อยละ 100 ให้กับบริษัท เจดสโตน เอนเนอร์ยี่ (อีเกิ้ล) พีทีวาย จำกัด (Jadestone Energy (Eagle) Pty Ltd) โดยมีมูลค่าการขาย 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (สรอ.) คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นภายในปี 2561
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว อาจจะมีการปรับมูลค่าการซื้อขาย เนื่องจากเงินทุนหมุนเวียนที่เปลี่ยนแปลงไปจากการดำเนินธุรกิจก่อนที่สัญญาจะมีผลสมบูรณ์ นอกจากนี้ ปตท.สผ. อาจมีการรับรู้มูลค่าการขายเพิ่มเติมในวงเงินไม่เกิน 160 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบ ความสามารถในการผลิต และการพัฒนาแหล่งในอนาคต
"การขายสัดส่วนการลงทุนในแหล่งมอนทาราเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุนของ ปตท.สผ. ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ในด้าน Refocus โดยจะเน้นการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เรามีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง มีต้นทุนและความเสี่ยงต่ำ เช่น ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต" นายสมพร กล่าว